ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโลกทั้งวิกฤตโควิด-19 การผันผวนทางเศรษฐกิจ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ภาวะโลกร้อน รวมไปถึงเทคโนโลยีดิสรัป ทำให้องค์กรธุรกิจยุคใหม่ต้องปรับเปลี่ยนการบริหารงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการยึด “หลักจริยธรรมและการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ” (Ethics & Compliance) เพื่อยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการขององค์กรให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและเหมาะสมกับสภาวการณ์ของโลก
CG Voice ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรเครือฯ มาเล่ามุมมองและความมุ่งมั่นของเครือซีพีที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง โดยยึดหลัก “คุณธรรมและความซื่อสัตย์” จนทำให้การดำเนินธุรกิจก้าวสู่ศตวรรษที่สองในปีนี้ และได้รับคัดเลือกจากสถาบัน Ethisphere ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2565 (The 2022 World’s Most Ethical Companies) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
Ethics & Compliance หลักสำคัญในการทำธุรกิจของซีพี
คุณนพปฎล ได้เล่าว่าตลอด 100 ปีที่ผ่านมา เครือซีพียึดหลักการกำกับดูแลกิจการเป็นเสาหลักในการประกอบธุรกิจผ่านค่านิยม “คุณธรรมและความซื่อสัตย์” ที่ยึดมั่นมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกธุรกิจ เพราะคือรากฐานสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เครือฯยังได้กำหนดให้การกำกับดูแลกิจการเป็น 1 ใน 15 เป้าหมายความยั่งยืนสู่ปี 2030 ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3Hs คือ Heart-Health-Home ซึ่งการกำกับดูแลกิจการอยู่ในเป้าหมายแรกในส่วนของ Heart โดยเน้นการกำหนดกลยุทธ์การบริหารองค์กรในด้านการกำกับดูแลกิจการ การบริหารความเสี่ยงและการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ การยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ และการให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้าน Ethics & Compliance ในทุกกลุ่มธุรกิจของเครือทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้บริหารและพนักงานบริษัทในเครือฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกและปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมและจรรยาบรรณธุรกิจ
“ดังนั้น Ethics & Compliance ของเครือซีพีจึงไม่ใช่เพียงนโยบาย แต่ต้องลงมือ “ปฏิบัติจริง” สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากตัวพนักงานเอง และจะค่อยๆ ขยายกลายเป็น “วัฒนธรรมองค์กร” ที่พวกเราจะเคารพร่วมกันตามหลักจริยธรรม พร้อมสร้างความตระหนักรู้ในการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบแก่ผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วย”
จริยธรรมและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของซีพี ผ่านการรับรองโดย Ethisphere 2 ปีซ้อน
การได้รับคัดเลือกจาก Ethisphere ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ถือเป็นความภูมิใจของผู้บริหารและพนักงานเครือซีพี เพราะสถาบัน Ethisphere มีเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มข้นจากเกณฑ์การประเมินกว่า 200 ข้อ การฝ่าด่านมาตรฐานระดับโลกนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องรักษามาตรฐานและปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 135 บริษัทจากทั่วโลก สิ่งสำคัญที่ทำให้เครือซีพีโดดเด่นคือการได้รับแรงสนับสนุนและความตั้งใจจริงของผู้นำองค์กร รวมไปถึงความทุ่มเทและการร่วมมือร่วมใจจากพนักงานทุกคน ตลอดจนความไว้วางใจและการยอมรับจากคู่ค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ร่วมกันขับเคลื่อนกลไกด้านการกำกับดูแลกิจการและการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ขององค์กรให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล
ในขณะเดียวกันเรายังปรับปรุง พัฒนา และบูรณาการให้เกิดการสร้างกระบวนการดำเนินงานด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ไปพร้อมกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงโควิด-19 เครือซีพีได้นำเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนให้สามารถเรียนรู้แนวปฏิบัติต่าง ๆ ได้จากทุกที่ทุกเวลา ทำให้พนักงานในเครือทั่วโลกได้เรียนรู้และผ่านการทดสอบจรรยาบรรณธุรกิจ 100% นอกจากนี้ยังจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อกำกับติดตามดูแลในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ รวมไปถึงสื่อสารให้กับผู้มีส่วนได้เสียตระหนักถึงความสำคัญและร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจที่มีจริยธรรมด้วย
“ผู้นำองค์กร” แรงผลักดันสำคัญของการยกระดับจริยธรรมเทียบมาตรฐานสากล
การขับเคลื่อนวัฒนธรรมที่มีจริยธรรมและการกำกับดูแลกิจการให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัย Tone from the top ซึ่งผู้นำของเครือฯมีการส่งเสริมและสนับสนุน รวมทั้งปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ มีจริยธรรมและโปร่งใส ทั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่นของ “คุณศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือซีพี ที่ต้องการให้เครือซีพีเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำด้านความยั่งยืนระดับโลก จึงให้นโยบายกับผู้บริหารและพนักงานเครือซีพีในการรักษาคุณภาพและพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณธุรกิจอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เครือฯแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศตามหลัก “สามประโยชน์” ที่เครือฯยึดถือมาโดยตลอด
คุณนพปฎล กล่าวว่า “บทบาท “ผู้นำ” มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เกิดการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมและกฎเกณฑ์ กฎระเบียบเพราะผู้นำเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงานในการประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของเครือ ในขณะเดียวกันผู้นำยังเป็นผู้สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็นการส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล”
ก้าวสู่ศตวรรษต่อไปกับความมุ่งมั่นทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม
การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก ย่อมถูกคาดหวังจากผู้มีส่วนได้เสียที่มุ่งหวังให้มีการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีควบคู่ไปกับการมีคุณธรรม จริยธรรม เพราะฉะนั้น Ethics & Compliance จึงเป็นเหมือนสิ่งที่เครือซีพีต้องทำมากกว่ากรอบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ของการสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในเวทีโลก แม้ว่าการได้รับคัดเลือกจากสถาบัน Ethisphere ต่อเนื่องในปีนี้จะเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่อย่างไรก็ตามดังที่ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ได้กล่าวเสมอว่า “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” ดังนั้นก้าวต่อไปยังเต็มไปด้วยความท้าทายของเครือฯที่ต้องรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงานบริษัทในเครือ ที่ร่วมกันทำให้เครือซีพีเป็นองค์กรที่ยั่งยืนบนรากฐานของจริยธรรมที่ดี ผมขอย้ำว่า เครือฯจะมุ่งมั่นประกอบธุรกิจด้วยหลักจริยธรรม ยึดมั่นในความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เพื่อให้ธุรกิจเติบโตและเกิดการพัฒนาในทุกมิติอย่างยั่งยืน” คุณนพปฎล กล่าวสรุป