สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า 2 ใน 3 ของนักลงทุนจำนวน 404 รายที่ตอบแบบสำรวจล่าสุดของ MLIV Pulse ระบุว่า เงินสดในพอร์ตการลงทุนของพวกเขาจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกสุทธิในปีนี้ มากกว่าที่จะถ่วงผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน
บรรดานักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสด เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับสภาวะทางการเงินและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, วิตกเกี่ยวกับภาวะตลาดหมี, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลอดจนแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพอร์ตการลงทุนเหมือนกับในปี 2565
นายไมเคิล วิลสัน หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านหุ้นสหรัฐของมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยกับบลูมเบิร์ก ทีวีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนี S&P500 อาจร่วงลงประมาณ 20% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะอ่อนแอลง
เงินสดดูเหมือนจะเป็นที่หลบภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐสูงพอที่จะเอาชนะพอร์ตหุ้นและพันธบัตรแบบคลาสสิก 60/40 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 และแม้แต่บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงก็จ่ายดอกเบี้ยใกล้แตะระดับ 4% แล้วในขณะนี้
ลีโอ เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวอร์เดนซ์ แคปิตอล แอดไวเซอร์ส (Verdence Capital Advisors) กล่าวว่า “เราสนับสนุนนักลงทุนให้ถือเงินสด คุณสามารถจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ขณะที่จะมีความผันผวนอย่างมากในตลาด และมีโอกาสอย่างมากที่จะเงินสดนั้นจะให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าดึงดูดใจ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์