Gen Z กำลังคิดหนัก จะกังวล ‘วิกฤตเศรษฐกิจ’ หรือ ‘วิกฤตโลกร้อน’ มากกว่ากัน ซึ่งเป็นสองวิกฤตที่พวกเขาไม่ได้ก่อ

Carol Yepes/Getty Images

Gen Z ถูกผูกติดอยู่กับวิกฤต 2 อย่างที่พวกเขาไม่ได้ก่อ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับวัยรุ่นที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 และพวกเขาตัดสินไม่ได้ว่าอันไหนเร่งด่วนกว่ากัน

บทความฉบับใหม่จาก The Wall Street Journal กล่าวถึงสิ่งที่ผู้หางานวัย Gen Z กำลังเผชิญ โดยไม่ว่าพวกเขาจะหางานที่จ่ายเงินดี หรือสอดคล้องกับค่านิยมทางสังคมของพวกเขาเอง โดยเมื่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวัน มันมืดมัวเหลือเกิน

ค่านิยมส่วนบุคคลมีความสำคัญต่อคน Gen Z มาช้านาน เมื่อพวกเขาเข้าสู่กลุ่มแรงงาน โดยกว่าครึ่งหนึ่งของ Gen Z ที่ตอบแบบสำรวจในการศึกษาระดับโลกของ Workmonitor โดย Randstad ซึ่งมีพนักงาน 35,000 คน กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับบทบาทในบริษัทที่ไม่สอดคล้องกับมุมมองทางสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่นั่นก็ขึ้นกับราคาที่พุ่งสูงขึ้นสำหรับทุกอย่าง

จากการสำรวจของ Deloitte โดยได้สัมภาษณ์ Gen Z ทั้งหมด 14,808 คน และ Gen Y หรือ Millennials ทั้งหมด 8,412 คน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 – ธันวาคม 2022 พบว่า 37% ของวัย Gen Z ปฏิเสธตำแหน่งหรืองานได้รับมอบหมายที่ไม่เป็นไป ‘ตามหลักจริยธรรมส่วนบุคคล’ ตามข้อสังเกตของ The Wall Street Journal ‘นั่นคือการลดลงจากปีก่อนหน้า’

ซึ่งในตอนนี้ค่าครองชีพนั้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของข้อกังวลหลักของ Gen Z โดย 29% บอกว่าพวกเขากังวลเรื่องนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาเป็นอันดับ 2 โดยมีความกังวล 24%

นั่นหมายความว่ามันเป็นไปตามการคาดการณ์ของ The Wall Street Journal ที่ข้อกังวลเรื่องค่าครองชีพได้นำหน้าวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของ Gen Z

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสำรวจของ Deloitte ได้สำรวจเฉพาะ Gen Z ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 – มกราคม 2022 ซึ่งหมายความว่า Gen Z มีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพอยู่แล้ว ก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

แพทริเซีย บัคลีย์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Deloitte บอกกับ Insider ว่า “ฉันต้องนึกภาพว่าสัดส่วนของ Gen Z และ Millennials นั้นจะแข็งเกร่งมากขึ้นในตอนนี้”

สำหรับ Gen Z บางคนที่ แคลลัม บอร์เชอร์ส จาก The Wall Street Journal สัมภาษณ์ งานบริการสาธารณะหรืองานไม่แสวงหาผลกำไรนั้นไม่ได้จ่ายเงินเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะยังชีพ

เบนจามิน นิตซานี ผู้จบการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายเมื่อเร็วๆ นี้ บอกกับThe Wall Street Journal ว่าเขามีหนี้สินเงินกู้ของนักเรียนมากกว่า 1 แสนดอลลาร์ เขาเป็นคนแรกในครอบครัวที่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย

ขณะนี้การชำระคืนเงินกู้นักเรียนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมทั้งฝ่ายบริหารของโจ ไบเดนดูเหมือนจะยกหนี้ให้เพียงแค่ 10,000 ดอลลาร์ ดังนั้นเขาจึงไปหางานในบริษัทที่ให้เงินดีที่สุด

อีกด้านหนึ่งคือ อลิซา ไวต์ ซึ่งจะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายในปีหน้า ตามรายงานของวารสาร ไวต์ได้ร่วมก่อตั้ง Law Students for Climate Accountability ซึ่งสมาชิกให้คำมั่นว่าจะไม่ทำงานในบริษัทที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ด้านเชื้อเพลิงฟอสซิล

ไวต์จะยึดคำมั่นสัญญา เธอบอกกับ The Wall Street Journal และกำลังเตรียมที่จะสร้างรายได้ที่ ‘พอประมาณ’

“ฉันชอบที่จะคิดว่าจะมีลูกหรือบ้านในบางจุด และฉันก็แบบ ‘โอ้ ไม่’” ไวต์บอกกับ The Wall Street Journal “มันหนักในใจของฉัน”

โดยพื้นฐานแล้ว Gen Z จะต้องตัดสินใจว่าจะจัดการกับวิกฤตใดเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ ราคาที่พุ่งสูงขึ้น หรือวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเขา

อ้างอิง: