กลุ่ม Gen Z หรือกลุ่มคนอายุระหว่าง 18-25 ปีเป็นผู้บริโภคที่กำลังเติบโต และมีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลต่อการซื้อของนักชอปที่มีอายุมากกว่า ขณะเดียวกันคน Gen Z ก็มีแนวคิดแตกต่าง และความคาดหวังในการบริการสูงกว่าคนกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งการพิชิตคน Gen นี้ จึงเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของแบรนด์ในการเข้าถึงและปรับตัวให้ตรงความต้องการของคนกลุ่มนี้
จากการวิจัยใหม่ของ Qualtrics ได้ทำการสำรวจผู้บริโภค 9,000 คนในกลุ่มอายุต่าง ๆ และได้สรุป 9 เรื่องสำคัญที่แบรนด์และธุรกิจต้องรู้ในปี 2565 เพื่อเข้าถึงและพิชิตกลุ่ม Gen Z ได้แก่
1.Gen Z มักจะอารมณ์เสียจากการมีปฏิสัมพันธ์เชิงลบภายในองค์กร
Gen Z เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มรู้สึกไม่พอใจกับประสบการณ์ลูกค้าได้ง่ายมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Gen อื่น โดย Gen Z ส่วนใหญ่ไม่พอใจมากสุดกับการทำงานของภาครัฐ (มีเพียง 13% เท่านั้นที่ให้คะแนนในเชิงบวก) รองลงมา คือ บริษัทการลงทุนและสายการบิน ขณะที่โซเชียลมีเดียและร้านค้าปลีก เป็นองค์กรที่คนกลุ่มนี้ให้คะแนนพึงพอใจสูง
2.Gen Z คาดหวังให้แบรนด์ทำตามคำมั่นสัญญา และพร้อมจะมองหาทางเลือกอื่นหากแบรนด์ทำไม่ได้
70% ของ Gen Z บอกว่า พวกเขาพร้อมจะเปลี่ยนแบรนด์ หากแบรนด์นั้นให้ประสบการณ์ที่ไม่ตรงกับที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ตามโฆษณา เช่น ‘การจัดส่งที่รวดเร็ว’ หรือ ‘การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม’ โดย 30% ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า พวกเขาควรได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นหากเป็นลูกค้าใหม่ของแบรนด์ ซึ่งแนวโน้มในเรื่องนี้สูงเกือบสองเท่าของ Baby Boomers (16%)
3.Gen Z ใส่ใจนโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ธุรกิจนำมาใช้ในช่วงการระบาดใหญ่มากกว่า Gen อื่นๆ
Gen Z มีแนวโน้มเป็นสองเท่าของคนกลุ่ม Baby Boomers ที่จะหยุดซื้อแบรนด์ใดก็ตามเมื่อรู้สึกว่า มาตรการด้านความปลอดภัยไม่เพียงพอ และมีแนวโน้มเป็น 3 เท่า ที่จะซื้อแบรนด์ เมื่อแบรนด์นั้นมีมาตรการด้านความความปลอดภัยที่ดีและเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการตอบสนองด้านสาธารณสุขของแบรนด์ต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
4.Gen Z ตระหนักถึงคุณค่าของแบรนด์มากขึ้น
Gen Z (22%) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าของ Baby Boomers (7.5%) ที่กล่าวว่า พวกเขาให้ความสำคัญคุณค่าของแบรนด์ที่เลือกซื้อมากขึ้น โดย Gen Z (42%) มีแนวโน้มมากกว่า Baby Boomers (29%) ที่กล่าวว่า ความรู้สึกไม่เชื่อมต่อกับแบรนด์ อาจทำให้หยุดซื้อแบรนด์ ๆ นั้นได้ และ 38% บอกว่า โฆษณาที่ไม่ตรงใจ ก็มีแนวโน้มให้ Gen z หยุดซื้อสินค้าได้เช่นกัน
5.Gen Z มีแนวโน้มในการโปรโมทแบรนด์และบริษัทน้อยสุด
แม้จะคาดหวังความสะดวกและการสร้างประสบการณ์ที่ดี แต่ Gen Z มีแนวโน้มน้อยสุดที่จะโปรโมทบริษัทหรือแบรนด์ภายในเครือข่ายของตน ซึ่งเป็นสัญญาณว่า บริษัทหรือแบรนด์ต่างๆ ไม่สามารถพึ่งพา Gen Z ให้โปรโมทฟรีได้
6.แบรนด์ต้องเข้าถึง Gen Z ในที่ที่พวกเขาอยู่ นั่นก็คือ ออนไลน์และบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ผู้บริโภค Gen Z ส่วนใหญ่ (51%) จะใช้เวลาไปบนโลกออนไลน์และบนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียต่าง ๆ ดังนั้น ช่องทางดังกล่าว จึงเป็นอันดับแรกที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญหากต้องการเข้าถึงและพิชิตใจคนกลุ่มนี้ รองลงมา คือ การนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการและมีคุณภาพที่เหนือกว่า
7.คนดัง-บุคคลสาธารณะ-เพื่อน-ครอบครัว มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของ Gen Z
29% ของผู้ซื้อ Gen Z บอกว่า แบรนด์หรือสินค้าที่ มีแนวโน้มที่จะกล่าวว่าการรับรองตราสินค้าของคนดัง/นักกีฬา/บุคคลในที่สาธารณะ และ 75% ของ Gen Z มีแนวโน้มสูงที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ใหม่ หากได้รับการแนะนำโดยเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ขณะที่ Baby Boomers ให้ความสำคัญกับทั้งสองเรื่องเหล่านี้ที่ 7% และ 47% ตามลำดับ
8.ผู้ซื้อ Gen Z ตระหนักถึงการจัดการเกี่ยวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์มากขึ้น
Gen Z 31% ระบุว่า แบรนด์ที่พวกเขาซื้อ ต้องมีนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการจัดการแก้ไขปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม มีเพียง 39% ของผู้บริโภค Gen Z เท่านั้นที่ไม่แน่ใจว่า แบรนด์ที่พวกเขาซื้อจะต้องทำหน้าที่เหล่านี้หรือไม่
9.Gen Z หาข้อมูลก่อนซื้อ และมีความสำคัญ!
78% ของผู้ซื้อ Gen Z จะมีการค้นคว้าข้อมูลหรือดูบทวิจารณ์ของลูกค้าส่วนใหญ่ก่อนจะตัดสินใจซื้อจากแบรนด์ใหม่ ส่วน Baby Boomers ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่ 48%
ที่มา : qualtrics