คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKROเปิดเผยว่า บริษัทวางแผนธุรกิจ “ก้าวใหม่แม็คโคร หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์” ใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) มุ่งเสริมศักยภาพการเติบโตในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขาทั้งแม็คโครและโลตัสส์ในต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการเข้าไปทั้งการลงทุนแบบก่อสร้างใหม่เองหรือร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศนั้นๆ รวมทั้งแบบ B2B และ B2C เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ทั้งนี้ขึ้นกับกฎหมายในแต่ละประเทศว่าจะเปิดโอกาสให้เข้าไปทำตลาดได้อย่างไรได้บ้าง ปัจจุบันแม็คโคร มีจำนวน 7 สาขาใน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา 2 สาขา, เมียนมา 1 สาขา,อินเดีย 3 สาขา และจีน 1 สาขา ขณะที่โลตัสส์ มีที่มาเลเซีย โดยปี 2568 ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เป็นไม่ต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วน5% ของรายได้รวม
ส่วนการขยายธุรกิจในประเทศของแม็คโครและโลตัสส์ มุ่งพัฒนาปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายสาขาตามแผนงานที่วางไว้ทั้งในปีนี้และใน 5 ปี เน้นการขยายสาขารูปแบบขนาดกลางถึงเล็ก เพื่อเข้าถึงชุมชนและฟู้ดเซอร์วิสผ่านแพลตฟอร์มการขยายออนไลน์อย่างต่อเนื่องในอนาคต
คุณสุชาดา กล่าวว่า เชื่อจุดแข็งของแม็คโครที่เป็นอันดับ 1 ในธุรกิจ B2B ขณะที่โลตัสส์เป็นอันดับ 1 ในตลาดแบบ B2C จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงศักยภาพในการจัดซื้อสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง และการใช้ระบบงานหลังบ้าน รวมกันหรือการลงทุนพัฒนาดิจิทัล จะช่วยลดต้นทุนได้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุน ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี2564-2568) จำนวน 130,000 ล้านบาท เแบ่งเป็น งบลงทุนของแม็คโคร 60,000 ล้านบาท และโลตัสส์ 70,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งขยายสาขาและลงทุนพัฒนาด้านดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของทั้งสองบริษัท
“หลังรับโอนกิจการของโลตัสส์ บริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในงบการเงินไตรมาส 4 ปีนี้ โดยมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มเข้ามาจากปกติแม็คโคร มีเฉพาะรายได้จากยอดขายเท่านั้น และในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้สถานการณ์โควิด-19คลี่คลาย คาดครึ่งปีหลังนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่บริษัทยังมีรายได้ยอดขายและกำไรเติบโตได้ค่อนข้างดี”
ขณะที่บริษัทคาดว่ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซียจากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) จะเรียบร้อยภายในวันที่ 25 ต.ค.นี้ หากผู้ถือหุ้นอนุมัติในการทำธุรกรรมดังกล่าว หลังจะมีจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/64 ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ ผ่านระบบออนไลน์ และหลังจากนั้นจะมีการยื่นไฟลิ่งเพื่อขออนุมัติการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่จากตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดจะยื่นได้ไม่เกิน 2 พ.ย.2564
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะเข้าไปคำนวณในดัชนี SET 50 ได้อย่างแน่นอน ภายหลังจากบริษัทมีการออกหุ้นเพิ่มทุนอีกราว 1,300 ล้านหุ้นสำเร็จ ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีฟรีโฟลท เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 15% จากเดิมที่อยู่ระดับ 7%
Cr. Bangkok Business