ภาพโดย Andrew Khoroshavin จาก Pixabay
ความเป็นอิสระทางการเงินมักถูกมองว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการเดินทางสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ Experian บริษัทด้านสินเชื่อ เผยว่า ความสามารถในการบรรลุเป้าหมายนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรรุ่น Millennial และ Gen Z
เหตุผลนี้ซับซ้อนและมีหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ สังคม ความชอบในการใช้ชีวิต หรือแม้แต่นิสัยทางการเงินของผู้ปกครองที่เข้ามามีบทบาทไม่น้อย
การสำรวจครอบคลุมกลุ่ม Millennial (อายุ 27-42 ปี) และสมาชิก Gen Z (อายุ 18-26 ปี) ในกลุ่มนี้มีเพียง 28% เท่านั้นที่อ้างว่ามีอิสระทางการเงินอย่างสมบูรณ์ หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบใดๆ จากพ่อแม่
ตัวเลขที่ต่ำนี้น่าตกใจ และแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้กำลังเผชิญในการบรรลุความเป็นอิสระทางการเงินที่มักเกี่ยวข้องกับวัยผู้ใหญ่ และยังชี้ว่า คนจำนวนมากยังต้องพึ่งการช่วยเหลือทางการเงินจากครอบครัวค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าการพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ปกครองมักนำมาซึ่งความรู้สึกอับอายและอึดอัด คนรุ่น Millennial กว่า 70% แสดงความรู้สึกละอายใจเมื่อต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อแม่ โดยค่าเฉลี่ยโดยรวมของทั้งสองกลุ่มอยู่ที่ 2 ใน 3 สิ่งนี้บ่งบอกถึงความรู้สึกที่น่าวิตกที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการต่อสู้ทางการเงินที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ประสบ
ปัจจัยสำคัญหลายอย่างนำไปสู่ความท้าทายทางการเงินที่คนรุ่น Millennial และคน Gen Z ต้องเผชิญ และการศึกษานี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกบางประการเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนมากขึ้นกว่าที่เคย
ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ผลักดันราคาของสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนจำนวนมากกำลังต่อสู้กับหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจำนวนมาก เมื่อรวมกันแล้วปัจจัยเหล่านี้กำลังสร้างมรสุมที่ทำให้เหตุการณ์สำคัญทางการเงิน เช่น การย้ายออกจากบ้านของครอบครัว หรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ชิ้นแรกนั้นไกลเกินเอื้อม
พฤติกรรมการใช้จ่ายและทัศนคติที่มีต่อเงินก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน การสำรวจของ Experian เปิดเผยว่า 57% ของคนรุ่น Millennial และคน Gen Z ต่อสู้กับแรงกระตุ้นในการซื้อ ซึ่งบ่งชี้ว่า อาจขาดวินัยทางการเงินที่อาจทำให้ปัญหาการเงินแย่ลงไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้นกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจยอมรับว่าพวกเขาต้องการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ชีวิตที่ทันท่วงทีมากกว่าการเก็บออมไว้ใช้ยามเกษียณ มุมมองทางการเงินในระยะสั้นนี้อาจขัดขวางความสามารถในการบรรลุความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
การศึกษายังเน้นถึงความขัดแย้งที่น่าสนใจ เพราะในขณะที่คนหนุ่มสาวเหล่านี้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อแม่ แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเห็นพ่อแม่ของพวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดีทางการเงิน
กว่า 40% เชื่อว่า พ่อแม่ของพวกเขามีนิสัยการใช้จ่ายที่ไม่ดี ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 3 รู้สึกว่า พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้รับการศึกษาเรื่องการเงินส่วนบุคคลอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่า พ่อแม่ของพวกเขาหลีกเลี่ยงการคุยเรื่องเงินด้วยกัน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างรุ่นสู่รุ่นในการสื่อสารทางการเงินและการศึกษา
ผลจากความท้าทายเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนหนุ่มสาวชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะอยู่กับพ่อแม่เพื่อประหยัดเงิน สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ รายงานว่า แนวโน้มนี้อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1972 ในหมู่ชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี
อ้างอิง: