“โครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ปลูกผักปลอดสาร” เป็นโครงการที่มีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางอาหารในชุมชน ภายใต้ระยะเวลาของโครงการ 5 ปี (ปี 2562-2566) ซีพีเอฟส่งเสริมชุมชนรอบพื้นที่เขาพระยาเดินธง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รวมกลุ่มกันปลูกผักโดยไม่ใช้สารเคมีตามวิถีเกษตรแบบธรรมชาติไว้บริโภคในครัวเรือน และตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ ตามภูมิปัญญาชุมชน ซึ่งในปีนี้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ บางส่วนสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์จากพืชผักที่ปลูกไว้เพื่อส่งเข้าธนาคารเมล็ดพันธุ์แล้ว เช่น เมล็ดพันธุ์มะเขือคางกบ มะเขือหยดน้ำทิพย์ มะเขือม่วงลิง มะเขือไข่เต่า มะเขือเทศสีดา บวบหอม บวบพื้นบ้าน มะระขี้นก กระเจี๊ยบเขียว ฯลฯ และยังนำเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวสนับสนุนโครงการของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อนำเมล็ดพันธุ์กระจายให้ชุมชนต่างๆ ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
คุณประทีป อ่อนสลุง หรือพี่มืด ชาวบ้านตำบลโคกสลุง แกนนำกลุ่มไทยเบิ้ง กล่าวว่า โครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ปลูกผักปลอดสาร มีเป้าหมายให้สมาชิกที่ร่วมโครงการ และชาวบ้านผลิตอาหารไว้บริโภคเองในครัวเรือน โดยปลูกผักปลอดสารเคมี และยังมีผลผลิตแบ่งปันให้พี่น้องและเครือข่าย ขณะที่ชุมชนมีการจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุุ์ เพื่อให้ชาวบ้านและเกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านที่ปลอดสารไว้ขยายพันธุ์ต่อ เพราะเราอยากให้คนในชุมชนผลิตอาหารได้เอง พึ่งพากันเองในชุมชน เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชน
นอกจากนื้ เมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านที่ชุมชนเก็บชุดแรกจากสมาชิกที่เข้าร่วมในโครงการบางส่วน จำนวน 21 ชนิด นำมาแบ่งบรรจุซองเพื่อมอบแก่ “โครงการแผนปฏิบัติการ Quick Win 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” ซึ่งเป็นโครงการของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เน้นให้ชุมชนพึ่งตนเอง ปลูกผักเพื่อเป็นแหล่งอาหารและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
“ช่วงที่เกิดสถานการณ์ระบาดของโควิด ชุมชนเราไม่ได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนอาหาร เพราะผักปลอดสารที่ปลูกไว้เป็นแหล่งอาหารที่มั่นคง และยังเป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัย” คุณประทีปกล่าว
คุณชุมพล สำราญสลุง ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลโคกสลุง สมาชิกของโครงการฯ และเป็นอีกคนหนึ่งที่ส่งเมล็ดพันธุ์ชุดแรกให้ธนาคารเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว 13 ชนิด กล่าวว่า ขอชักชวนให้ทุกครัวเรือนปลูกผักปลอดสารเคมี และเก็บเมล็ดพันธุ์ติดบ้านไว้ เพราะจากวิกฤตโควิดทำให้รู้ว่าชุมชนเรารอดได้จากแหล่งอาหารที่เราผลิตได้เอง และยิ่งมองไปในระยะยาว การจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์จะเกิดประโยชน์อย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤตครั้งไหน ชุมชนก็ยังพึ่งพาตนเองได้ และเมล็ดพันธุ์พืชที่กระจายไปยังชุมชนอื่นๆ เป็นการสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหารของชุมชน
ด้าน คุณวราวุธ อ่วมเอี่ยม ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านห้วยบง ต.พัฒนานิคม เล่าว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด ชาวบ้านในชุมชนที่ปลูกผักปลอดสารเคมีอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาผลผลิตผักสวนครัวที่ปลูกไว้ ที่บ้านตนเองมีผักที่ปลูกไว้หลากหลายชนิด ทั้งมะเขือเทศ ถั่วดาวอินคา ผักติ้ว มะละกอ ผักไชยา ฯลฯ และถึงแม้ว่าปีนี้เกษตรกรจะเจอปัญหาภัยแล้งด้วย แต่ชาวบ้านที่ร่วมโครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ปลูกผักปลอดสาร ได้รับความช่วยเหลือจากซีพีเอฟนำถังพลาสติกเพื่อกักเก็บน้ำขนาด 1,000 ลิตร และอุปกรณ์ระบบน้ำหยดมาให้ ช่วยให้พืชผักที่ปลูกออกผลผลิตได้ตลอด หากไม่เกิดวิกฤตโควิด หลายคนก็คงมองไม่เห็นว่าการปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือนช่วยได้มาก เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างแท้จริง
“โครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ปลูกผักปลอดสาร” เป็นโครงการที่สนับสนุนให้ชุมชนเป็นเครือข่ายร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าในพื้นที่ โครงการต่อยอดเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน หลังจากที่ซีพีเอฟดำเนิน “โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ซึ่งบริษัทร่วมกับกรมป่าไม้และชุมชน อนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าในพื้นที่เขาพระยาเดินธง 5,971 ไร่ เป็นอีกโครงการที่ซีพีเอฟร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์