เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวซิงหัว สื่อชั้นนำของจีนรายงานว่า เครือซีพียังคงมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของจีนที่กำลังปรับเปลี่ยนโฉมประเทศจากการเป็นประเทศศูนย์กลางการผลิตของโลกไปสู่การเป็นตลาดของโลก
ทั้งนี้ นายหยาง อธิบายขยายความเพิ่มเติมว่า “ความต้องการหรืออุปสงค์จะเป็นองค์ประกอบสำคัญของการตลาดในอนาคต และในอนาคตจีนจะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากจีนมีกลุ่มประชากรรายได้ปานกลางจำนวนมากกว่า 400 ล้านคน ในขณะที่จีนเองยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงการขยายตัวทางการตลาดที่โดดเด่นของตลาดจีน คือ โรงงานของเครือซีพีในเมืองชิงเต่า มณฑลชานตงทางตะวันออกของจีน เมื่อ 40 ปีก่อน ซึ่งเคยแต่ส่งออกผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดที่ผลิตไปยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น “แต่ในปัจจุบันสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ของเครือซีพีกว่า 70% จำหน่ายภายในประเทศจีน ในขณะที่การส่งออกเหลือเพียง 30% ของผลิตภัณฑ์โดยรวมทั้งหมด” นายหยางกล่าว
เครือซีพีในฐานะบริษัทต่างชาติรายแรกที่เข้ามาลงทุนในจีนหลังจีนเริ่มนโยบายเปิดประเทศ ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดจีน โดยสามารถขยายการลงทุนและสร้างบริษัทในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ให้เติบโตแข็งแกร่ง
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีบริษัทต่างชาติกว่า 60,000 แห่ง ที่มาก่อตั้งขึ้นใหม่ในประเทศจีนเมื่อปีที่ผ่านมาถือว่าการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 69.8% เปรียบเทียบกับตัวเลขในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ทางการจีนยังได้เปิดเผยถึงมาตรการการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในจีน ที่ประกอบด้วย การปรับลดรายการที่เดิมไม่เปิดเสรีในการเข้าถึงตลาดจีนให้แก่นักลงทุนต่างชาติ การจัดทำรายการอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงนโยบายใหม่ๆ ที่จะส่งเสริมการขยายการเปิดตลาดด้านการเงินของจีนต่อไป
คุณหยาง กล่าวว่า เครือซีพี มีความมั่นใจในศักยภาพของตลาดจีนและมุ่งมั่นที่จะยกระดับการผลิตและรูปแบบการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนให้ดีขึ้น โดยเครือซีพีได้ริเริ่มดำเนินมาตรการและโครงการต่างๆ มากมายเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ในด้านอาหารเพื่อสุขภาพ และการบริการที่สร้างความสะดวก ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการเก็บรักษาอาหาร และการจัดส่งอาหาร รวมไปถึงการเปิดร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และร้านจำหน่ายของสด ที่ได้รับการออกแบบให้ระบบต่างๆ ในร้านมีบูรณาการ
คุณหยาง กล่าวอีกว่า ซีพียังได้เสริมความร่วมมือกับนักธุรกิจจีนในการสำรวจตลาดต่างประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการจีนกำลังค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้ผลิตสู่นักลงทุนระดับโลก
ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2561 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (ODI) เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขการลงทุน ODI ในปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 1 แสน 2 หมื่น 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 ล้าน 9 แสน 6 หมื่นล้านบาท)
เมื่อปีทีผ่านมาจีนเป็นประเทศที่ลงทุนในประเทศไทยเป็นรายใหญ่อันดับ 3 ลองจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น และการค้าแบบทวิภาคีมีมูลค่าสูงถึงกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ หรือเพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับตัวเลขในปีที่ผ่านมา
สำหรับเครือซีพี ได้ร่วมมือกับ SAIC Motor บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของจีน ก่อตั้งเครือข่ายการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 110 แห่งในประเทศไทย และมีตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี นอกจากนี้ยังได้มีความร่วมมือกับบริษัท ไชน่าโมบายของจีนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในไทยอีกด้วย
ที่มา : สำนักข่าวซิงหัว
http://www.xinhuanet.com/english/2019-07/28/c_138264747.htm
ภาพจาก: https://www.cm-inv.com/en/gywmxrwy/882.htm
ขอบคุณ CP e-News