แอสเซนด์ มันนี่ เผย“ทรูมันนี่” เบอร์ 1 อีวอลเล็ตภูมิภาคยอดธุรกรรม ใน6ประเทศ มากกว่า 3 แสนล้านบาทยอดผู้ใช้งานรวม 40 ล้านราย

ยอดใช้ทรูมันนี่สูงเป็นประวัติการณ์
คุณมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้งาน ทรูมันนี่ ในครึ่งปีแรก ท่ามกลางแนวโน้มประเทศ และโลกที่กำลังเดินไปสู่สังคมไร้เงินสด(Cashless Society)

โดยคุณมนสินี กล่าวว่า ภาพรวมผู้ใช้ทรูมันนี่ วอลเล็ตช่วงครึ่งปี 2562 มีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีลูกค้าใหม่ดาวน์โหลดแอพทรูมันนี่ ตลอดจนผู้ใช้แอคทีฟทั้งต่อวันและต่อเดือนเพิ่มมากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ การใช้จ่ายผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ ซื้อดิจิทัลคอนเทนท์ และใช้จ่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามากสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

“การใช้จ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถุึง 86% รองลงมาเป็นการซื้อดิจิทัล คอนเทนท์ โตกว่า 70% การใช้จ่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โตเพิ่มขึ้น 61% ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายฐานผู้ใช้แอคทีฟ ยูสเซอร์ ในไทยจาก 8.4 ล้านราย เป็น 14 ล้านภายในสิ้นปีนี้ตามที่ตั้งเป้าไว้”

ทั้งจากการเร่งขยายจุดชำระที่ครอบคลุมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันการเติมเงิน จ่ายบิล จ่ายเงินร้านค้าทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านค้าพันธมิตรต่างๆ ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ รองรับการใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปท์ “สะดวกสบาย ง่าย ใช้ได้ทุกวัน” หรือ everyday payment ล่าสุดไปจับมือพันธมิตรเครือร้านอาหารและเครื่องดื่ม 24 แบรนด์ดังกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ พร้อมจัดแคมเปญพิเศษอย่างต่อเนื่อง

เครือร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่ม QSR (Quick Service Restaurant) หรือธุรกิจอาหารบริการด่วน คือ กลุ่มที่ทรูมันนี่ให้ความสำคัญมากในปีนี้ เนื่องจากการหาเมนูอร่อยรับประทานเป็นกิจกรรมที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ และใช้จ่ายหลายครั้งต่อวัน การใช้อีวอลเล็ตจึงเป็นทางเลือกสำคัญเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใช้จ่ายของผู้บริโภคยุคนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพกเงินสด จ่ายสะดวกในช่วงเวลาที่เร่งรีบ และที่สำคัญใครๆ ก็สามารถใช้ได้ผ่านสมาร์ทโฟน

ขณะที่ กลยุทธ์ของทรูมันนี่ วอลเล็ต ยังคงเน้นกลยุทธ์ออนไลน์ทูออฟไลน์ (โอทูโอ) ขยายฐานไปสู่บริการบนออฟไลน์มากขึ้น เพิ่มจำนวนและจับมือร้านค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายยุคสังคมไร้เงินสด ขยายจุดรับชำระเงินในตลาดให้ครอบคลุมมากที่สุด

ทั้งมุ่งเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตร เพิ่มจำนวนจุดรับชำระออฟไลน์จากเดิม 200,000 เป็น 300,000 จุด จับมือพันธมิตรออนไลน์ใหม่ๆ เช่น กลุ่มชอปปิงออนไลน์ และผู้ให้บริการคอนเทนท์ล่าสุดขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่เปิดบริการผูกบัตรเครดิต/เดบิตบนแอพทรูมันนี่ วอลเล็ตให้ผู้บริโภคจ่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นร้านค้าชั้นนำ

ปัจจุบัน “ทรูมันนี่” เป็นบริการเรือธงของ แอสเซนด์ มันนี่ ครองผู้นำในตลาดอีวอลเล็ต มียอดผูู้ใช้ในไทยมากกว่า 10 ล้านราย ยอดผู้ใช้แอคทีฟ 8 ล้านราย จุดให้บริการชำระ 200,000 จุด และวางแผนขยายให้ครอบคลุม 300,000 จุดภายในสิ้นปีนี้

แอสเซนด์ฯ วางตำแหน่งให้ “ทรูมันนี่” เป็นผู้นำอีวอลเล็ตระดับภูมิภาคด้วยบริการที่ครอบคลุุม 6 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา พม่า และไทย ยอดธุรกรรมทั้ง 6 ในประเทศตัวเลขถึงเดือน พ.ค.62 มากกว่า 3 แสนล้านบาท ยอดผู้ใช้งานรวม 40 ล้านราย มีพันธมิตรตัวแทนรับชำระเงิน หรือเอเจ้นท์มากกว่า 65,000 เอเจ้นท์

ครึ่งปีหลังแข่งดุ-ไฮเทคซิเคียวริตี้เกิด
“เราคาดว่าการใช้งานอีวอลเล็ตในไทย จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกสนับสนุน เช่น ผู้เล่นรายใหม่ในตลาดช่วยโปรโมทให้ผู้ใช้กลุ่มใหม่เข้ามาทดลองใช้ โปรโมชั่นข้อเสนอที่เพิ่มขึ้น การนำเสนอนวัตกรรมความปลอดภัยใหม่ๆ ที่เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้ ซึ่งเราจะเห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องไปยังปี 2563” คุณมนสินี กล่าว

นอกจากนี้ ทรูมันนี่ ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ อย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันนโยบายสังคมไร้เงินสดในไทย ล่าสุดเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ร่วมในสนามทดสอบ (Regulatory sandbox) ของแบงก์ชาติ ร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำต่างๆ นำร่องเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ ด้วยการสแกนใบหน้ามาใช้ในระบบการแสดงและยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) มีแผนเปิดให้บริการที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศภายสิ้นปีนี้

ทรูมันนี่ เป็นฟินเทคดาวเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตราการเติบโตเร็ว ยึดโมเดลให้บริการแบบไฮบริดผสมผสานการให้บริการครอบคลุมทั้งเพย์เมนท์และบริการทางการเงิน นอกเหนือจากประเทศไทย ยังมุ่งสร้างแพลตฟอร์มทางการเงินที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีที่สุดทั่วภูมิภาค

ปัจจุบัน ทรูมันนี่ มีจุดบริการเติมเงินมากกว่า 5 แสนจุดทั่วประเทศทั้งผ่านธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ และตู้คีออส จุดเด่นที่ทำให้ครองอันดับ 1 มาจากความง่ายในการใช้งานบริการ มีร้านค้าพันธมิตรรับชำระเงินจำนวนมากครอบคลุมการใช้จ่ายเงินประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงิน จ่ายบิล จ่ายเงินที่ร้านค้า ซื้อของออนไลน์ และเติมเกม ที่สำคัญเป็นบริการที่มีอีโคซิสเต็มส์แข็งแรง เฉลี่ยลูกค้าใช้จ่าย 200 บาทต่อทรานเซคชั่น ต่อเดือนเฉลี่ย 7.2 ครั้ง

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ