คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร(ซีอีโอ)คนใหม่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟ เผยว่า ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ของซีพีเอฟในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ( 2562-2566)จะมีรายได้ 8 แสนล้านบาท(ในปี 2566 รวมรายได้จาก M&A แล้ว) หรือมีอัตราขยายตัว 10% ต่อปี จากในปี 2561 ซีพีเอฟมีรายได้ 5.4 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักจะมาจากกิจการในต่างประเทศที่ปัจจุบันซีพีเอฟมีการลงทุนใน 16 ประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วน 63% ของรายได้รวม(อีก 33%เป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศและส่งออก)
“อีก3-5 ปีนับจากนี้ซีพีเอฟจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกิจการในต่างประเทศเป็น 75% อีก 25% จากในประเทศ โดยจะเน้นสร้างรายได้จากธุรกิจอาหาร(Food) เพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมามีรายได้หลักจากธุรกิจอาหารสัตว์(Feed) สัดส่วน 42% ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์(Farm) 41% และธุรกิจอาหาร 17% โดยประเทศที่เราจะขยายการลงทุนมากเช่นจีน และเวียดนามที่สร้างยอดขายเพิ่มให้กับบริษัท
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะไปสู่เป้าหมายดังกล่าวซีพีเอฟมี กลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรยุค 4.0 คือการนำแนวคิดนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน (Innovation towards Sustainability) เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจและทุกๆผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟ โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) คลาวด์ (Cloud Computing) บิ๊กดาต้า(Big Data) ไอโอที (Internet of Thing : IOT) ตลอดจนระบบอัตโนมัติ มาใช้ในการยกระดับและเชื่อมโยงกระบวนการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่ เช่น การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ-โรงงานอัจฉริยะ (Smart Farm-Smart Factory) หรือ ระบบการตลาดดิจิทัลและช่องทางการจำหน่ายสินค้า e-Commerce ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพธุรกิจ สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า และรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการบริโภค
“นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้แก่ซีพีเอฟทั้งในประเทศไทยและในเวทีโลกได้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนานวัตกรรมอาหารสัตว์-พันธุ์สัตว์-อาหารเพื่อการบริโภค สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารครั้งใหม่ของโลก เช่น ไก่เบญจาได้สำเร็จ รวมถึงคิดค้นอาหารสุขภาพ กลุ่ม Smart อาทิ อาหารเพื่อผู้ป่วยและผู้สูงวัยอย่าง Smart Soup, อาหารมังสวิรัติ Smart Meal และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ Smart Drink อาหารและเครื่องดื่มจากนวัตกรรมเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว และด้วยประสิทธิภาพของศูนย์ RD Center มาตรฐานระดับโลกของเราจะทำให้ซีพีเอฟสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารสู่ตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง”คุณประสิทธิ์กล่าว
ขณะที่ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สังคมโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ซีพีเอฟจึงนำแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ Circular Economy เข้ามาใช้ในการผลักดันความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด รวมถึงการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ตลอดกระบวนการผลิต เพื่อให้การทำธุรกิจของซีพีเอฟสร้างผลกระทบแก่ทรัพยากรโลกให้น้อยที่สุด ดังเช่น โครงการจัดหาวัตถุดิบยั่งยืน โครงการ Solar Rooftop โครงการ CPF Coal Free 2022 โครงการฟาร์มสีเขียว หรือการประกาศใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เพื่อร่วมบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
สำหรับการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ซีพีเอฟจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนที่พร้อมจะนำพาองค์กรให้เติบโตต่อไป