คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย ว่า หลังแนะนำรถยนต์เอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% หรือเอ็มจี แซดเอส อีวี ออกสู่ตลาดประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้นำเข้าร่วมงานฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์ 2019 เป็นงานแรก ปรากฏว่าได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี มียอดจองไปแล้วกว่า 500 คันภายในระยะเวลา 10 วันหลังจากการเปิดตัว โดยจำนวนนี้แบ่งเป็นยอดจองจากงานฟาสต์ฯถึง 150 คัน ส่วนที่เหลือเป็นยอดจองจากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
“ตอนนี้เรายังไม่ได้มีรถเอ็มจี แซดเอสอีวี ส่งไปยังโชว์รูมทั่วประเทศเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสเลย แต่กลับมียอดจองเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ หลัก ๆ มาจากกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจรถยนต์ประเภทนี้ ได้มีการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ”
คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่า บริษัทยังไม่มีการปรับเป้าหมายยอดจองรถรุ่นนี้แต่อย่างใด เนื่องจากจะต้องใช้เวลาอีกระยะในการศึกษาทิศทางความต้องการของตลาดและการตอบรับของลูกค้า
“ขณะนี้เรายังไม่ได้เริ่มส่งรถไปที่โชว์รูมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รถจะส่งไปที่โชว์รูมราว ๆ วันที่ 20 ก.ค.นี้ และเราจะเริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าที่จองทันที ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ของโลก รองจากจีนที่มีรถรุ่นนี้ได้เข้ามาทำตลาด”
ก่อนหน้านี้คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า อนาคตหากประเทศไทยมีความพร้อมเรื่องซัพพลาย มีความเป็นไปได้ที่เอ็มจีจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นในประเทศไทย โดยบริษัทได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปที่บีโอไอ เรื่องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอการพิจารณาจากบีโอไอ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่มากนัก เนื่องจากจะเป็นโครงการการลงทุนต่อเนื่อง
“วันนี้เราได้รับการสนับสนุนสิทธิประโยชน์การนำเข้า ตามกรอบเอฟทีเอไทย-จีน ภาษีเป็น 0% โดยจ่ายเพียง VAT และสรรพสามิต 8% เท่านั้น ทำให้เราสามารถนำเสนอราคาจำหน่ายของรถคันนี้เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยสามารถจับต้องได้ง่าย”
สำหรับเอ็มจี แซดเอส อีวี จะสามารถส่งมอบได้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.นี้เป็นต้นไป จำนวน 300 คัน โดยยังไม่มีการตั้งเป้ายอดขายรถยนต์รุ่นนี้ที่โชว์รูมทั้ง 130 แห่งทั่วประเทศ และพิเศษสำหรับลูกค้า 1,000 คันแรก รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 1 ปี ฟรีชุดชาร์จไฟฟ้าในบ้านมูลค่า 45,000 บาท และฟรีค่าติดตั้ง 20,000 บาท รวมทั้งการรับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ