คุณศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของกลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร ศูนย์จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคคุณภาพแบบขายส่ง ในระบบสมาชิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีความตั้งใจยกระดับสู่ “แม็คโคร 4.0 คู่คิด…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ภายใต้แนวคิด “เคียงข้าง สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน” ซึ่งในปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ แม็คโครจัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ลูกค้า โดยนำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) มาใช้วิเคราะห์ลูกค้าในระบบที่มีกว่า 3 ล้านราย เพื่อนำเสนอดิจิทัลแคมเปญ “แม็คโคร ฉลองครบรอบ 30 ปีรวยเปรี้ยง 30 ล้าน” ระหว่างวันที่ 19 มิถุนายน – 28 สิงหาคม ที่แม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ
“แม็คโครทุ่มงบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าผ่านแคมเปญสะสมแสตมป์ 20 ล้านบาทและลัคกี้ดรอว์ หรือการลุ้นชิงโชคส่วนลดอีก 10 ล้านบาท โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบสมาชิก วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้ง ผู้ประกอบการ ลูกค้าโชห่วย กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคารและโรงแรม สำนักงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของเราให้ตรงใจที่สุดด้วยข้อมูลวิเคราะห์ของบิ๊กดาต้าที่เรามี ”
แคมเปญนี้นับเป็นแคมเปญแรกที่มุ่งเข้าหาทุกกลุ่มลูกค้า โดยปรับรูปแบบจากออฟไลน์ สู่ออนไลน์ อย่างชัดเจน ซึ่งแม็คโครเลือกวางกลยุทธ์หลักผ่าน ลูกเล่น ที่คุ้นเคยของลูกค้าสมาชิก และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ อย่าง “ลัคกี้ดรอว์” ผสมผสานกับ “แคมเปญสะสมแสตมป์” ที่ลูกค้าชื่นชอบ แต่เปลี่ยนรูปแบบจากแสตมป์กระดาษมาสู่ e-stamp ผ่านแม็คโครแอพพลิเคชั่น พร้อมวางแผนสื่อสารการตลาด ด้วยการให้ความสำคัญกับการใช้สื่อออนไลน์อย่างจริงจัง นอกเหนือจากสื่อในสาขาและแม็คโครเมลล์ ที่สร้างอิมแพคกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจุบันลูกค้าเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น เห็นได้จากผลตอบรับของการนำเสนอโปรโมชั่นข้อมูลความรู้และสิทธิประโยชน์ผ่าน แม็คโครแอพพลิเคชั่น ,แม็คโคร Line Official ,เว็บไซต์ Makroclick.com ,โชห่วยไทย.com ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ จะสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลและสิทธิประโยชน์หลังจากซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์(จุดบริการลูกค้า) เมื่อซื้อสินค้าตามเงื่อนไข จะได้ อี-แสตมป์ สำหรับแลกรับบัตรกำนัล และมีโอกาสลุ้นโชคตลอดแคมเปญสร้างความตื่นเต้นแบบรายวัน โดยมีไฮไลท์อยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นเดือนเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทย”