ภาพโดย Arut Thongsombut จาก Pixabay
หลังจากที่โควิดระบาดหนักจนการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยพังไปด้วย ไทยก็เริ่มลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไปและหันมาพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน อินเดีย ตะวันออกกลางมากขึ้น
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬาระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้เหมือนช่วงก่อนโควิดระบาดภายในปี 2024 แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับระดับก่อนช่วงโควิดระบาด แต่เราพยายามจะเน้นไปที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวที่เคารพต่อสิ่งแวดล้อมของเราด้วย รัฐมนตรีประกาศกลยุทธ์สำหรับกลุ่มโรงแรมชั้นนำ มันมีสัญญาณปรากฎให้เห็นว่าภาครัฐกับภาคเอกชนกำลังร่วมมือกันช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวอยู่
ภารกิจสำคัญของพิพัฒน์ก็คือการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ถือเป็นสัดส่วน 12% ของ GDP โดยลดการพึ่งพาจีนและดึงดูดนึกท่องเที่ยวจากตลาดอื่นบ้าง ขณะเดียวกันก็รักษาสัดส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศไว้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ด้านวัลยา จิราธิวัฒน์ ซีอีโอเซ็นทรัลพัฒนาระบุว่า เราต้องการล้างแนวคิดเก่าๆ ที่ว่า เมื่อไรที่เราคิดถึงโรงแรม คุณกำลังคิดถึงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เซ็นทรัลก็เพิ่งประกาศแผนลงทุน 5 ปีเตรียมสร้างโรงแรม 37 แห่ง 4,000 ห้อง 27 จังหวัด รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ 10% ภายใน 5 ปี
พิพัฒน์ระบุว่า ปีที่แล้วมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยราว 30 ล้านคนเกือบจะถึง 38 ล้านคนที่เป็นตัวเลขเดียวกับปี 2019 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการพักร้อน การท่องเที่ยวไม่ไกลจากบ้านและกลุ่ม digital nomads หรือคนที่ทำงานบนโลกออนไลน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าต้องทำงานที่ใดที่หนึ่ง กลุ่มเหล่านี้ขยายตัวขึ้น
เจ้าของโรงแรมก็จะมีระดับรายได้ที่มีความมั่นคงมากขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีจุดหมายปลายทางที่ง่ายต่อการเข้าถึงด้วยรถยนต์จากเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ หรือจาการ์ตาร์ ซึ่งโรงแรมแห่งใหม่แห่งแรกของเซ็นทรัลที่จะเปิดก็คือที่นครราชสีมาหรือโคราชที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 220 กิโลเมตรเท่านั้น ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมก็จะดึงดูดผู้ผลิตชาวญี่ปุ่น เช่น Canon ก็จะทำให้มีนักเดินทางเพื่อธุรกิจมาด้วย ซึ่งทางเซ็นทรัลก็มองว่าตลาดโรงแรมในจังหวัดนครราชสีมาก็มีศักยภาพมากและอัตราเฉลี่ยการเข้าพักก็จะมีระยะเวลายาวนานขึ้น คนยุโรปเข้าพักในไทยยาวนาน เฉลี่ย 16.82 วันสำหรับปี 2019 แต่การใช้จ่ายก็ยังไม่เท่าคนจีนที่กำลังวุ่นวายกับการล็อคดาวน์อยู่
อย่างไรก็ดี ช่วงซัมเมอร์ที่อากาศในตะวันออกกลางและอินเดียร้อน กระทรวงท่องเที่ยวได้จัดโรดโชว์เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้ว ตั้งเป้าว่าจะทำรายได้มากถึง 1.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ คูเวต อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิาระเบียมีการใช้จ่ายต่อหัวในปี 2019 เฉลี่ยมากกว่า 6,800 บาทต่อวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ EIC ก็คาดการณ์เช่นกันว่าการท่องเที่ยวจะเติบโตและกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้สภาพเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มจาก 5.7 ล้านคนเป็น 7.4 ล้านคน แม้จะไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมากเท่าก่อนช่วงโควิดระบาดแต่ก็ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นบ้างแล้ว โดยนักท่องเที่ยวก็น่าจะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน อินเดียและยุโรป
ด้านพิพัฒน์ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะเสนอให้ให้รัฐมนตรียกเลิกระบบ Thailand Pass เพราะถือเป็นอุปสรรคตัวสุดท้ายสำหรับให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ อยากให้มีเพียงการยื่นข้อมูลเที่ยวบิน รายละเอียดที่พักและประวัติการรับวัคซีนโดยไม่จำเป็นต้องมีผลตรวจโควิดที่เป็นลบอีก เขาบอกว่าระบบนี้ทำให้ความต้องการอยากเดินทางเข้าประเทศลดลง
ที่มา – Nikkei