ปัญหาการปนเปื้อนของอนุภาคพลาสติกขนาดจิ๋วที่เล็กกว่า 5 มิลลิเมตร หรือ “ไมโครพลาสติก” ในสิ่งแวดล้อมได้ลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก โดยล่าสุดครอบคลุมถึงจุดลึกที่สุดของมหาสมุทร และจุดสูงสุดบนหลังคาโลกเรียบร้อยแล้ว
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพลีมัทของสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์รายงานวิจัยในวารสาร One Earth โดยระบุว่าตรวจพบมลภาวะของไมโครพลาสติกบนเขาเอเวอเรสต์เป็นครั้งแรก ซึ่งอนุภาคพลาสติกเหล่านี้ถูกพบอยู่ในหิมะที่ระดับความสูงมากที่สุด 8,440 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ห่างจากยอดเขาเพียง 408 เมตรเท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีการค้นพบชิ้นส่วนพลาสติกขนาดจิ๋ว ที่ด้านล่างสุดของร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) มาแล้ว โดยพบตรงจุดที่ลึกถึง 11 กิโลเมตรจากผิวน้ำ คาดว่าเป็นเศษพลาสติกที่ย่อยสลายและแยกตัวออกจากแพของขยะชิ้นใหญ่ ก่อนจะจมลงสู่ก้นทะเล
ดร. อิโมเจน แนปเปอร์ ผู้นำทีมวิจัยบอกว่าได้เก็บตัวอย่างน้ำ 900 มิลลิลิตรจากลำธารสายต่างๆ บนเขาเอเวอเรสต์มาทั้งหมด 8 ตัวอย่าง และได้เก็บหิมะปริมาณ 300 มิลลิลิตรจากจุดต่างๆ บนเขามาทั้งสิ้น 11 ตัวอย่างด้วยกัน ซึ่งผลวิเคราะห์พบว่ามีไมโครพลาสติกปนเปื้อนในตัวอย่างหิมะทั้งหมดที่เก็บมา และยังพบการปนเปื้อนในลำธาร 3 สาย
ตำแหน่งที่พบมลภาวะจากไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่หนาแน่นที่สุด ได้แก่บริเวณเอเวอเรสต์เบสแคมป์ (EBC) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่บรรดานักปีนเขาใช้เตรียมตัวก่อนขึ้นพิชิตยอดเอเวอเรสต์ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกิจกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นมากที่สุดไปด้วย
ภาพเมื่อปี 1993 ก่อนการรณรงค์เก็บกวาดบนเขาเอเวอเรสต์ครั้งใหญ่ เผยให้เห็นขยะพลาสติกถูกทิ้งไว้จำนวนมาก
ทีมผู้วิจัยพบไมโครพลาสติกที่ EBC ในปริมาณโดยเฉลี่ย 79 อนุภาคต่อหิมะ 1 ลิตร ส่วนไมโคร พลาสติกที่พบใกล้กับจุดสูงสุดของเอเวอเรสต์นั้น อยู่ในปริมาณโดยเฉลี่ย 12 อนุภาคต่อหิมะ 1 ลิตร
ชิ้นส่วนไมโครพลาสติกที่พบบนเขาเอเวอเรสต์ส่วนใหญ่ มาจากเส้นใยสังเคราะห์จำพวกโพลีเอสเทอร์และอะครีลิก ซึ่งใช้ทำเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นสำหรับการปีนเขา
นอกจากนี้ การเดินไปมารอบๆ เพียง 20 นาที การซักผ้า หรือเปิดขวดพลาสติกเพียงชั่วขณะ ก็สามารถปลดปล่อยอนุภาคไมโครพลาสติกให้ออกมาปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้แล้ว
แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ทราบชัดว่า ไมโครพลาสติกเป็นอันตรายต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศหรือไม่ แต่ก็เป็นการดีที่เราจะระมัดระวังป้องกันไว้ก่อน โดยหยุดยั้งมลภาวะของไมโครพลาสติกไม่ให้แพร่กระจายออกไปมากกว่านี้
“ปัญหาของเราในขณะนี้เหมือนกับน้ำที่ไหลล้นออกมาจากในอ่าง ทำให้ต้องคอยเช็ดพื้นที่มีน้ำเจิ่งนองอยู่ร่ำไป อันที่จริงเราควรจะปิดก๊อกน้ำเสียในทันที ซึ่งก็คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยไม่ปล่อยให้ไมโครพลาสติกออกไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมเสียแต่แรกนั่นเอง” ดร. แนปเปอร์กล่าว