สรุปเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ “โควิด” ในแต่ละประเทศ

ในห้วงวันที่ 6-7 ธันวาคม หลายประเทศมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้สรุปเอาไว้ ดังนี้

อังกฤษ-อินโดนีเซีย เตรียมแจกจ่ายวัคซีน
สหราชอาณาจักร มีกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสแรก ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ในวันอังคารนี้ โดยกลุ่มแรก ๆ ที่ทางระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ หรือ เอ็นเอชเอส จะฉีดวัคซีนให้ ได้แก่ กลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี, บุคลากรทางการแพทย์ และ เจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ที่พักอยู่ในศูนย์ดูแลสุขภาพ

วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และเก็บไว้ในตู้เย็นปกติได้เพียง 5 วัน ด้วยเหตุผลนี้ จึงต้องเริ่มการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาล 50 แห่งก่อน คาดว่าภายในสัปดาห์แรก จะใช้วัคซีนประมาณ 8 แสนโดส

อินโดนีเซียได้รับวัคซีนป้องกันโควิดที่จัดส่งทางเรือล็อตแรกจากจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโจโค วิโดโด้ ของอินโดนีเซีย เผยว่า ขณะที่รัฐบาลเตรียมเรื่องการฉีดวัคซีนจำนวนมาก วัคซีนยังคงต้องได้รับการประเมินโดยหน่วยงานอาหารและยาของประเทศ และฝ่ายบริหารของเขาเตรียมที่จะแจกจ่ายวัคซีนไปทั่วหมู่เกาะอันกว้างใหญ่ ที่มีประชากรประมาณ 270 ล้านคน

เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ระดมกำลังทหารรับมือโควิด
วันจันทร์ตามเวลาเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีมูน แจอิน ของเกาหลีใต้ ได้ออกคำสั่งให้รัฐบาลระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อรับมือกับการติดเชื้อ และขยายการทดสอบ โดยระดมกำลังทหารและบุคลากรจากหน่วยงานราชการ

“มูน” กล่าวว่า สถานที่ทดสอบจะขยายเวลาให้บริการนานขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ต้องการทดสอบว่าติดเชื้อหรือไม่ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มจุดบริการตรวจแบบไดร์ฟทรูให้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ อัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้ ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 4.2% ขณะที่ค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1.2%

ความเคลื่อนไหวทางการทหารเกิดขึ้นที่ “ญี่ปุ่น” เช่นเดียวกัน โดย “คัตสึโนบุ คาโตะ” หัวหน้าโฆษกรัฐบาล เผยเมื่อวันจันทร์ว่า พยาบาลของกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น กำลังเตรียมไปประจำการที่นครโอซาก้า และ เกาะฮอกไกโด เพื่อช่วยรักษาผู้ติดเชื้อโควิด ที่เพิ่มสูงขึ้น ทันทีที่รัฐบาลของทั้งสองแห่งร้องขอ

“เมลเบิร์น” เปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวแรกในรอบ 5 เดือนเมืองเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย ได้ต้อนรับเที่ยวบินผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยการมาถึงของเที่ยวบินดังกล่าวจะเป็นการทดสอบระบบกักตัวภายในโรงแรม ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ของรัฐวิกตอเรีย

ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐวิกตอเรียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มากกว่า 2 หมื่นราย เมื่อพนักงานของโรงแรมติดเชื้อไวรัสจากผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยการระบาดครั้งดังกล่าวถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เกิดจากความล้มเหลวของผู้รับเหมาเอกชน ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ได้

ระบบใหม่นี้จะเริ่มใช้กับชาวออสเตรเลียที่เดินทางมาจากศรีลังกา ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องพัก ภายใต้มาตรการกักตัวรูปแบบใหม่ของโรงแรม มีการคาดการณ์ว่าแต่ละสัปดาห์จะมีผู้โดยสารหลายร้อยคน ที่เดินทางมายังรัฐวิกตอเรีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่า ตำรวจจะบังคับใช้กฎที่เข้มงวดมากขึ้น
อินเดียขอใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน

สถาบันเซรั่มแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนปริมาณมากที่สุดในโลก ได้ขออนุญาตใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาภายในประเทศเป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ตามรายงานของสื่อหลายรายในอินเดีย

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก ไฟเซอร์ อิงค์ ยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนโควิดในอินเดีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สถาบันเซรั่มฯ เผยว่า ข้อมูลจากการศึกษาทางคลินิก 4 แห่ง (2 แห่งในอังกฤษ 1 แห่งในบราซิล และ 1 แห่งในอินเดีย) ชี้ว่า วัคซีนโควิดชีลด์ มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านการติดเชื้อโควิด ขณะที่วัคซีนแอสตราเซเนกามีความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ในอินเดีย เนื่องจากสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส

ที่มา : https://www.prachachat.net/