อย่างที่ทราบกันดีว่า 5G คือเจเนอเรชั่นต่อไปในกิจการโทรคมนาคม เมื่อเทียบกับระบบ 4G ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีข้อแตกต่างกันอย่างมาก 5G จะมีประโยชน์กับธุรกิจแบบ B to B หรือ “ธุรกิจกับธุรกิจ” มากกว่าธุรกิจในรูป B To C หรือ “ธุรกิจกับ ผู้บริโภค (บีทูซี) ให้ 5G
เทคโนโลยี 5 G มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Vertical Industry หรืออุตสาหกรรมแนวดิ่ง เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ( manufacturing), ภาคการเกษตร (agriculture), ความปลอดภัยสาธารณะ (public security) และทางการแพทย์ (medical) เป็นต้น ดังนั้น 5G จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทำให้อุตสาหกรรมแนวดิ่ง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นก็หมายถึง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งาน (use case ) ของแต่ละอุตสาหกรรมที่จะตามมา
การผลักดันการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5G ต้องอาศัยหลายปัจจัย ได้แก่
1.ภาครัฐต้องให้การสนับสนุน ส่งเสริม ซึ่งปัจจุบันภาครัฐให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมากอยู่แล้ว โดยประชาสัมพันธ์ จัดเวทีสัมมนาต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีแก่ประชาชน เพราะ 5G จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ไทยก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 หรือยุคที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม
2.คลื่นความถี่ ที่จะมารองรับเทคโนโลยี 5G ซึ่งต้องมีความกว้างของแถบคลื่นความถี่ (bandwidth) ขนาด 100 เมกะเฮิรตซ์ ขณะที่ bandwidth ในระบบ 4G มีขนาดเพียง 20 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งแตกต่างกันถึง 5 เท่า
ทั้งนี้ คลื่นความถี่ สำหรับให้บริการ 5G ประกอบด้วย 3 ย่านความถี่ ได้แก่ ย่านความถี่ต่ำ (low band) ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่มีคุณสมบัติด้านความครอบคลุมของสัญญาณเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะการใช้งานอุปกรณ์ Internet of Thing (IoT ), ย่านความถี่กลาง (mid band) ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่เหมาะสม ทั้งการรองรับความครอบคลุมของสัญญาณ, รองรับความจุของโครงข่าย และย่านความถี่สูง (high band) ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่มีคุณสมบัติรองรับความจุได้สูงมาก เนื่องจากมีขนาด bandwidth กว้าง และมีความหน่วงต่ำ จึงเน้นใช้งานในพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานสูง หรือมีความต้องการอัตราข้อมูลที่สูง โดยเฉพาะการใช้งานในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง
สำหรับย่านความถี่หลักทีในระดับสากลกำหนดสำหรับให้บริการ 5G คือ ย่านความถี่กลาง ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 2600 และ 3500 เมกะเฮิรตซ์ โดยเฉพาะคลื่นความถี่ย่าน 3500 เมกะเฮิรตซ์ จะได้รับความนิยมอย่างมาก และปัจจุบันมีผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม (เวนเดอร์) ผลิตอุปกรณ์ขึ้นมารองรับจำนวนมากและแพร่หลาย
ขณะที่คลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ นั้นเวนเดอร์ในประเทศจีน มีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการใช้งาน จึงเชื่อว่าคลื่นความถี่ย่านดังกล่าวจะเป็นคลื่นความถี่ที่ดีและเหมาะสม ซึ่งเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในคลื่นความถี่ที่อยู่ในแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม การประมูลคลื่นความถี่ในระบบ 4G ที่ผ่านมา พบว่าราคาค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องแบกรับเป็นสูงมาก ทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการลงทุน ส่งผลต่อการลงทุนด้านการพัฒนาโครงข่าย ดังนั้น ในการประมูลคลื่นความถี่เพื่อรองรับ 5G จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจมหภาค และหวังว่า ภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลจะสนับสนุน ส่งเสริมให้ราคาค่าใบอนุญาตไม่สูง จนทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูง เกินไป
ยกตัวอย่างใน “ประเทศจีน” รัฐบาลมีความพยายามผลักดันการขับเคลื่อน 5G อย่างเต็มที่ จึงออกใบอนุญาตและจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยวิธีให้เปล่า เพราะมองว่าคลื่นความถี่เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะนำสู่การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลายสิบเท่า
นอกจากนี้ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 “สหรัฐอเมริกา” มีการสร้างทางหลวงระหว่างรัฐ (Inter state freeways) ทั่วประเทศ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง แม้รัฐบาลจะต้องใช้เงินในการบำรุงรักษาพอสมควร แต่การที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานนี้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาขยายตัวดีขึ้นอย่างมหาศาล
สำหรับประเทศไทย วิธีการให้เปล่าแบบทั้ง 2 ประเทศคงเป็นไปได้ยาก แต่หากภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลจะออกมาตรการบางอย่าง เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ เพื่อช่วยผลักดันการขับเคลื่อน 5G ให้เกิดขึ้นก่อนก็ไม่เสียหาย เพราะจะทำให้ประเทศไทยไม่ตกขบวนในการเข้าสู่ 5G ไม่ล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ แน่นอน
ส่วนกรณีที่จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ ขับเคลื่อน 5G ระดับชาติในทุกภาคส่วน แสดงให้เห็นความพยายามในการผลักดันการขับเคลื่อน 5G ของภาครัฐ เชื่อว่าคณะกรรมการชุดนี้จะช่วยตอบโจทย์ในทุกด้าน ทำให้หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และรูปแบบใบอนุญาตมีความเหมาะสม และเมื่อการประมูลคลื่นความถี่มาถึง “ทรู” ยินดีที่จะเข้าร่วมการประมูล แต่หากอยู่ในกรอบที่เกินความสามารถ เชื่อว่าผู้ถือหุ้น หรือคณะกรรมการของบริษัท ก็คงจะพิจารณาไม่เข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล จะรับฟังข้อเสนอของ โอเปอเรเตอร์ ผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และมีการศึกษาข้อมูลเพื่อใช้ในการอ้างอิง ซึ่งคำนึงถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ ทำให้การกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมาสมเหตุสมผล นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชนและประเทศชาติ
อนึ่ง ในวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562 เวลา 08.30-12.30 น. ณ ห้อง อินฟินิตี้ 1-2 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ จะมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนร่วมเสวนา ในหัวข้อ “Roadmap 5G ดันไทยนำ ASEAN”
โดย คุณวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์
รองประธานคณะกรรมการบริหาร
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ที่มา: นสพ.มติชน