ทุกวันนี้คนไทยต้องเจอกับข้อความ SMS ทางโทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์หลอกลวงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแอบอ้างชื่อบริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่แจ้งพัสดุติดค้าง, พัสดุถูกตีกลับ หรือพัสดุผิดกฎหมาย หรือข้อความ “สวัสดี เรามาจากกระทรวงพาณิชย์ของ Shopee เราขอเชิญคุณทำงานเสริมที่บ้าน…” และล่าสุดน่าจะมีใครหลายคนได้ข้อความ “สวัสดีครับ ผมคือ วลาดิเมียร์ ปูติน ตอนนี้กองทัพของเราในยูเครนต้องการความช่วยเหลือจากคุณ…”
ปัญหาข้อความ SMS และโทรศัพท์หลอกลวงจากแก๊งมิจฉาชีพ กำลังเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่เจอกันทั่วโลก รวมทั้งไทย ยิ่งนับตั้งแต่เกิด COVID-19 วิถีชีวิตของผู้คนอยู่บนออนไลน์มากขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล
ล่าสุด “Whoscall” แอปพลิเคชั่นป้องกันการฉ้อโกง ที่ถูกพัฒนาโดย Gogolook ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นชั้นนำระดับโลก เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการโทรและข้อความหลอกลวงทาง SMS ทั่วโลกและประเทศไทยในปี 2564 ว่า
– ปี 2564 จำนวนการโทรและข้อความหลอกลวงทั่วโลกมีจำนวนถึง 460 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 58% จากปีที่แล้ว ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ภายหลังการแพร่ระบาด
– ขณะที่สถานการณ์ในไทย มีการใช้โทรศัพท์เพื่อหลอกลวงในประเทศไทยมากกว่า 6.4 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 270% จากปีก่อนหน้า และมีข้อความ SMS หลอกลวงเพิ่มขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับปี 2563
กลเม็ดมิจฉาชีพ หลอกลวงแนบเนียบขึ้น และความถี่สูงขึ้น
– ในช่วงปี 2564 โทรศัพท์หลอกลวงของมิจฉาชีพจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีความแนบเนียนมากขึ้นและมีความถี่สูงขึ้น
ตัวอย่างโทรศัพท์หลอกลวงในไทย เช่น
- การโทรที่อ้างว่ามาจากคอลเซ็นเตอร์บริการจัดส่งสินค้า ซึ่งเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 นั้นถือเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงธันวาคม
- การโทรศัพท์ที่อ้างว่ามาจากตำรวจ โดยกล่าวหาว่าผู้ใช้มีส่วนร่วมในอาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน เป็นต้น
– ข้อความ SMS หลอกลวง วิธีที่พบบ่อยที่สุดคือ นักต้มตุ๋นจะส่งลิ้งค์ฟิชชิ่งหลอกเชิญชวนให้ดาวน์โหลดแอปที่เป็นอันตราย หรือเหยื่อจะถูกล่อให้เพิ่มเพื่อนกับบัญชีปลอมบนโซเชียลมีเดีย หรือหลอกให้เข้าถึงเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไป
– อุบัติการณ์การหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยสะท้อนถึงสถานการณ์ในกระแสโลก ที่มีนักต้มตุ๋นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างใช้กลวิธีที่หลากหลาย เช่น
- ไต้หวันได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงด้านการลงทุนในหุ้น เนื่องมาจากตลาดหุ้นที่เฟื่องฟู
- ขณะที่ในฮ่องกง มาเลเซีย และเกาหลี มีผู้หลอกลวงโดยการปลอมตัวเป็นอัยการ
- ในญี่ปุ่น พนักงานบริษัทไฟฟ้าปลอมได้ทำการโทรศัพท์หลอกลวงเพื่อเรียกเก็บค่าบริการบำรุงรักษาสำหรับผู้บริโภค
เตือนหลีกเลี่ยงโหลดแอปฯ ไม่รู้จัก
คุณฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Gogolook ประเทศไทย เผยว่า การหลอกลวงด้วยวิธีการส่งข้อความมีต้นทุนที่ต่ำ ประกอบกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือเหยื่ออยู่ในอัตราสูง ทำให้จำนวนข้อความหลอกลวงเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือน ตั้งแต่ปี 2563 และเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2564 โดยข้อความ SMS หลอกลวงในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับปี 2563
ข้อความเหล่านี้อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือการสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อมีเบอร์แปลกโทรหรือส่งข้อความเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากลุ่มดังกล่าวมีการขอข้อมูลส่วนตัว
Whoscall เป็นเหมือนผู้ช่วยให้เราคัดกรองเบอร์เบื้องต้น รู้ทันถึงที่มาของผู้ส่งและสายโทรเข้าที่ไม่รู้จัก Community Report หรือ การรายงานเพื่อระบุหมายเลขโทรศัพท์หลอกลวงจากผู้ใช้ Whoscall เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถือเป็นการช่วยกันของคนไทยเพื่อเสริมเกราะป้องกันภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงช่วยปกป้องคนที่คุณรัก และสังคมไทยให้พ้นจากการถูกหลอกลวง
“นักต้มตุ๋นมักจะพยายามหลอกล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ APK ผ่านลิ้งค์ฟิชชิ่ง โดยไฟล์แอปนี้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบและไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนแอปสโตร์ต่าง ๆ หลังการติดตั้งมัลแวร์นี้อาจมีการเรียกเก็บเงินจำนวนเล็กน้อย หรือขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลอุบายที่ได้รับรายงานในประเทศอื่น ๆ อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปพลิเคชั่นจากแหล่งที่ไม่รู้จักเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น” คุณอีริค ลี ผู้อำนวยการด้านเทคนิคและการค้นคว้าวิจัยด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี AI ของ Gogolook กล่าวทิ้งท้ายเพิ่มเติม
ที่มา Brand Buffet