โดย เสียงหลังประตู
สมัยเด็กผมเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งเขาเขียนไว้ว่า “สองสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของมนุษย์คือ การเริ่มกับการเลิก” ตอนนั้นผมก็เข้าใจแค่ว่า การเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องยากมากพอๆ กับการจะเลิกทำอะไรบางอย่าง แต่พอโตขึ้นผมกลับได้ความเข้าใจใหม่เพิ่มคือ เหตุผลที่มันยากอาจมาจากว่าถ้าทำสิ่งนึงก็ต้องทำอีกสิ่งด้วย
หมายถึงว่า “ถ้าจะเริ่มอะไร ก็ต้องเลิกบางอย่างก่อน”
เหตุที่เป็นเช่นนั้น คงเพราะการที่ต้องทำคู่กันแบบเลี่ยงไม่ได้ ทำให้สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ไม่ว่าจะทั้งเริ่มหรือเลิก อยู่ในสถานะ “ว่าจะ” แบบนี้เป็นลูปที่ออกไม่ได้สักที ใครที่มีอาการนี้ขอให้รู้ไว้นะครับว่าคุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว
คุณเอ็ม แคสเซล เจ้าของเว็บไซต์ข่าว Racket เคยทวิตไว้ในช่องทาง X ส่วนตัวว่า “คุณเคยใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเพื่อเลี่ยงทำสิ่งที่จริงๆ ใช้เวลาแค่ 3-5 นาทีก็เสร็จแล้วหรือเปล่า?” คำตอบที่ได้จากทวิตนั้นน่าอัศจรรย์มาก ผมจะหยิบบางส่วนมาเล่าให้คุณฟังครับ
“เมื่อวานฉันเพิ่งเปลี่ยนหลอดไฟใหม่โดยใช้เวลา 2-3 นาที จากที่มันเจ๊งมา 2 ปีแล้ว”
“จะบอกอะไรให้นะ เราซื้อบ้านในเดือนเมษายน และฉันใช้เวลาจนถึงเดือนพฤศจิกายนเพื่อยื่นขอที่อยู่อาศัย โดยเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงกำหนด โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที ฮ่าๆ”
และอีกสารพัดความเห็นไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมไปยกเลิกสมาชิกอะไรสักอย่างเพราะเบื่อที่จะติดต่อ, การไม่ต่อพาสปอร์ตสักทีทั้งที่เอกสารครบถ้วนแค่เอาไปยื่น หรือไปจนถึงการไม่เอาผ้าออกจากเครื่องและก็ซักมันใหม่อีกทีอยู่แบบนั้น
น่าแปลกใจไหมครับ ทำไมเราถึงไม่จัดการเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจว่า ยังไงเราก็ต้องทำแถมมันยังใช้เวลาไม่นานด้วย คำตอบเรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องการผลัดวันประกันพรุ่ง แต่หมายถึงสภาพจิตใจเลยทีเดียว เหมือนที่ ดร.ยูเชีย ซีรอยส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผัดวันประกันพรุ่งที่มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ เคยบอกไว้ว่า “But it actually has not very much to do with time management. It has to do with mood management.”
“ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารเวลาหรอก มันเกี่ยวข้องกับการจัดการอารมณ์มากกว่า”
มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าหัวใจสำคัญของเรื่องก็คือ เรารู้ว่าสิ่งที่เราต้องทำคืออะไร ปัญหาคือสิ่งเหล่านั้นต่างหากที่ทำให้เราไม่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะมันน่าเบื่อที่ต้องทำ ไม่อยากต้องมานั่งปวดหัว ไปจนถึงพอเว้นช่วงไปก็ต้องมาเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่าเดิม ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุให้เราพาลไม่อยากทำอะไรสักอย่างไปเลย และยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งสะสมในที่สุด
ทางแก้ของเรื่องนี้ คงมีด้วยกัน 2 อย่าง วิธีแรกคือเราควรทำสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ กับวิธีที่ 2 คือลงมือทำมันทันที “การลงมือทำทันที” อาจจะเป็นสิ่งที่ยากและไม่ถาวร แต่มันกลับเวิร์คมากๆ เมื่อคุณต้องทำสิ่งที่จบในครั้งเดียว เช่น การเอาขยะไปทิ้ง หรือจ่ายบิลสำคัญไปซะ และอย่ากลัวที่จะเริ่มลงมือทำ เพราะทุกการเริ่มจะพาคุณไปสู่นิสัยใหม่ๆ ได้เสมอ รวมไปถึงคุณยังสามารถเจอทักษะที่ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองมีอยู่ในตัวก็เป็นได้
เรื่องราวที่คล้ายกับสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้คงไม่เกิด หากคุณไม่เลิกบางสิ่งและเริ่มบางอย่าง
เปิดประตูของคุณและเปิดรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ
หวังว่าคุณจะได้เลิกและเริ่มลงมือไปด้วยกันนะครับ