เมื่อผู้นำประเทศ องค์กรภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้นำทางความคิดด้านต่าง ๆ กว่า 3,000 คน มาพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนและวางแนวทางการพัฒนาให้โลกก้าวหน้าในทางที่ดีขึ้น ในงานประจำปีครั้งที่ 50 ของ “World Economic Forum” (WEF) ที่เมืองดาโวส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21-24 มกราคมที่ผ่านมา..พวกเขาคุยเรื่องสำคัญอะไรที่คนทั่วไปอย่างเราควรรู้บ้าง?
ในปีนี้ ธีมหลักของงานคือ “Stakeholders for a Cohesive and Sustainable World” มุ่งเน้นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติของสังคม โดยหัวข้อหลักที่ WEF ผลักดันในปีนี้คือ “Climate Change” (การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม) ซึ่งมีการประกาศแผนการปลูกและฟื้นฟูต้นไม้ 1 ล้านล้านต้น และ “Reskilling Revolution” กับความตั้งใจในการพัฒนาการศึกษาและทักษะทางอาชีพของคน 1 พันล้านคนภายในปีค.ศ. 2030
ส่วนหัวข้อต่าง ๆ ในงานถูกแบ่งออกเป็น 7 ประเด็นด้วยกัน
เราขอสรุปหัวใจสำคัญสั้น ๆ ที่มีผลต่อภาคธุรกิจของแต่ละประเด็นดังนี้
1) How to Save the Planet: ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ก่อนที่อุณหภูมิโลกจะถึงจุดที่ไม่มีวันย้อนกลับและเกิดภัยพิบัติทั่วโลก นักลงทุนและภาคธุรกิจต้องปรับตัวหาโมเดลที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมอย่างแท้จริง
2) Tech for Good: เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI, รถยนต์ขับเคลื่อนเองได้และพันธุวิศวกรรมจะยิ่งพัฒนาขึ้นและเข้าถึงคนจำนวนมาก ข้อดีมีมากมาย แต่ข้อเสียหากใช้ในทางที่ผิดก็มหาศาล ถึงขั้นหุ่นยนต์สามารถรู้จักเราได้ดีกว่าตัวเองและบงการชีวิตเราโดยสมบูรณ์ ดังนั้น เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ภาคธุรกิจจะใช้เทคโนโลยีโดยคำนึงถึงจริยธรรม และภาครัฐมีมาตรการควบคุมการออกแบบเทคโนโลยีที่เท่าทันและเหมาะสม เพราะ Cybersecurity และ Ethics จะเป็นเรื่องสำคัญที่คนถกเถียงกันอย่างแน่นอน
3) Fairer Economics และ 4) Beyond Geopolitics : เศรษฐกิจและการเมืองโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและระส่ำระส่าย จากความไม่เท่าเทียม ความขัดแย้งทางการค้า -การเมือง และการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวของเทคโนโลยี ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและการตั้งคำถามกับระบบทุนนิยมที่แสวงหากำไรสูงสุดให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ต่อไปธุรกิจและผู้มีอำนาจต้องมองเศรษฐกิจในเชิงที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และหาทางวัดผลที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการลงทุนในระยะยาวนี้ รวมถึงภาครัฐที่ต้องกระจายอำนาจอย่างเหมาะสม
5) Better Business: แนวทางของการดำเนินธุรกิจในโลกกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนจาก “Shareholder Capitalism” เป็น “Stakeholder Capitalism” ซึ่งหมายถึงการคำนึงถึงทุกภาคส่วน มากกว่าเพียงการตอบสนองผู้ถือหุ้น
6) Society & Future of Work: เมื่อหุ่นยนต์กำลังเข้ามาแทนที่มนุษย์ในโลกการทำงาน ถึงเวลาที่มนุษย์ต้องปรับและฝึกทักษะใหม่ ๆ (Reskill & Upskill) ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปของธุรกิจ และพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต
7) Healthy Figures: ด้านสาธารณสุขโลกก็มีทั้งเรื่องดี ๆ และเรื่องน่ากังวลใจ เรื่องดีคือเทคโนโลยีและความรู้ช่วยทำให้ค่าเฉลี่ยอายุขัยสูงขึ้น รักษาคนไ้ด้ครอบคลุมมากขึ้น อัตราการตายของเด็กลดลง และกำจัดโรคภัยเช่นโปลิโอได้ 99 % แต่เรื่องน่ากังวลใจคือการแพร่ระบาดของโรคใหม่ ๆ โรคจากสภาพอากาศเป็นพิษ การขาดแคลนของบุคลากรทางการแพทย์ และสุขภาพจิตของคน(ซึ่งองค์กรและผู้ว่าจ้างมีบทบาทในการดูแลพนักงานให้ดี)
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดได้ที่: https://www.weforum.org/…/world-economic-forum-annual-meeti…
Cr: แปดบรรทัดครึ่ง