นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับสุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มบริษัทและผู้บริหารธุรกิจโลจิสติกส์และ Supply Chain ยักษ์ใหญ่ระดับโลก “DP World”เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย และการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของภูมิภาค โดยระบุว่า
การต้อนรับ DP World ครั้งนี้ ได้พูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในโครงการต่างๆ ของประเทศไทยเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของภูมิภาคโดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ที่เชื่อมทะเลทั้ง 2 ฝั่ง คือ ฝั่งมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นประตูให้กับการคมนาคมขนส่งและการค้าในระดับภูมิภาคและระดับโลก
นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ต้องการให้นักลงทุนจากทั่วโลกมีส่วนร่วมในการลงทุนในประเทศไทยเพื่อก้าวสู่ประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ครบวงจร พร้อมแสดงให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของประเทศไทยและการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

ด้านสุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DP World กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง และยินดีที่จะรับฟังข้อมูลโครงการต่างๆ ของประเทศไทย โดย DP World ยังมองหาโอกาสในการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง อย่างไรก็ตาม แรงเสียดทานทางเศรษฐกิจและอุปสรรคจาก Supply Chain ทำให้เกิดความท้าทายด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารท่าเรือและท่าเทียบเรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ไปจนถึงการขนส่ง โลจิสติกส์ และเทคโนโลยีด้านการขนส่ง เรามั่นใจว่าจะทำให้การค้าราบรื่น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เผยว่า จากการพูดคุยร่วมกับ DP World ยังได้นำเสนอถึงแนวทางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย รวมถึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อประกอบในการพิจารณาแนวทางการลงทุน โดยรัฐบาลยืนยันว่าทุกกระบวนการของโครงการแลนด์บริดจ์ จะเกิดขึ้นและแล้วเสร็จภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน
โดยสถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC เพื่อขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ให้เป็นรูปธรรม โดยคาดว่าจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. SEC ไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. 2567 เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะผ่านการพิจารณาของสภาฯ ในเดือน เม.ย.2568
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ