โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมนำร่องนโยบายยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งจะเปิดให้ประชาชน “ใช้บัตรประชาชนใบเดียว” เข้ารับการรักษาได้ในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน คาดเริ่มใช้งานตั้งแต่ 8 ม.ค. 2567 นี้ เบื้องต้น มี 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส
ทั้งนี้ บริการที่จะเริ่มนำร่องตามมติของคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ มีทั้งหมด 5 บริการ ได้แก่
- การใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการรับบริการได้ทุกที่ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของระบบข้อมูล และคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็ว ๆ นี้
- การรักษามะเร็งครบวงจร ตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเด็ก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป
- การเข้าถึงบริการในเขตเมือง โดยเฉพาะ กทม. ได้ทยอยเพิ่มหน่วยบริการ เช่น แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดที่หน่วยบริการยังมีน้อย และประสานร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งร้านยา Lab เอกชน คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกพยาบาล
- สถานชีวาภิบาล หรือการดูแลระยะสุดท้าย ซึ่งเดิมจะดูแลในโรงพยาบาล แต่พบว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ประสงค์อยากกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งการดูแลระยะท้ายจะต้องดูแลโดยมีหลักวิชาการ ทั้งด้านแพทยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือทั้งหน่วยงานทางสังคม เช่น วัดในชุมชน ร่วมกับโรงพยาบาล
- การดูแลสุขภาพจิต ซึ่งจะมีการพัฒนาและขับเคลื่อนลงไปในระดับชุมชน
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีความคืบหน้าการทำงานราว 80% หลังจากทดลองระบบในรอบแรก และจะมีการทดลองระบบเป็นระยะ ๆ อีกครั้งในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2566 ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงระยะที่ 2 เพื่อให้จังหวัดอื่นๆ ได้ทดลองใช้บริการ ซึ่งผลจากการนำร่องของ 4 จังหวัดแรก ได้สะท้อนข้อมูลจากของประชาชนที่มาใช้บริการ เช่น ความสะดวกของประชาชน พฤติกรรม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้การนำร่องในระยะที่ 2 มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติคาดว่า ระบบข้อมูลทั้งระบบต้องเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 ปี จะเกิดการเชื่อมต่อข้อมูลทุกสังกัด บัตรประชาชนใบเดียวสามารถรักษาได้ทุกที่และทั่วประเทศ
ขณะที่สิทธิการรักษาอื่น ๆ ทั้งประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ จะมีการหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกรมบัญชีกลางให้พิจารณาต่อไป
ที่มา รัฐบาลไทย