นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาด โควิด-19 เรามองเห็นความเคลื่อนไหวของซีพีในการใช้ทรัพยากรที่มี สร้างโซลูชันเร่งด่วนเพื่อแก้วิกฤตมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น การใช้ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบคุณภาพหน้ากากอนามัยที่เครือซีพีตั้งโรงงานผลิตเพื่อส่งมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้เปราะบางตั้งแต่โควิดรอบแรกจนถึงปัจจุบัน
วิกฤตโควิดรอบนี้ เครือซีพีผนึกกำลังกับบริษัทในเครือร่วมทำโครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 สนับสนุนภารกิจโรงพยาบาลสนาม โดย Blognone ได้พูดคุยกับ คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เกี่ยวกับการผนึกกำลังของซีพีและทรู ร่วมนำทรัพยากรและเทคโนโลยีมาสนับสนุนภารกิจภาคสาธารณสุข อำนวยความสะดวกด้านการสื่อสาร พัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เสริมประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และช่วยเหลือคนไทยให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ในสถานการณ์โควิด-19
คุณณัฐวุฒิ เล่าจุดเริ่มต้นว่า ทันทีที่เกิดโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้กำหนดนโยบายตั้งโครงการช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ พัฒนาโครงการในชื่อ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19
โอกาสที่มาพร้อมกับวิกฤต
เทคโนโลยีที่ทางเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลมีหลากหลาย เพราะบริษัทมีทรัพยากรอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะนำไปประยุกต์กับการใช้งานของโรงพยาบาลได้ ยกตัวอย่างเช่น การนำ engine ที่บริษัทมีไปเชื่อมต่อเข้ากับระบบของโรงพยาบาลที่มีอยู่ ช่วยประหยัดเวลาในการสร้างแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ขึ้นมาใหม่ หรือการที่ทรูนำระบบ Analytic เข้าไปช่วยกรมควบคุมโรค วิเคราะห์การกระจายตัวของโรคระบาด ให้สามารถหาทางรับมือได้ว่าโรคจะกระจายไปยังพื้นที่ใดต่อไป ซึ่งโครงการและกิจกรรมต่างๆ มาจากการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน คาดการณ์เทรนด์อนาคตว่าเป็นโลกของการทำงานร่วมกันในการพัฒนาโซลูชันเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิต จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะผลักดันเป็นโมเดลต่อไปในอนาคตแน่นอน
เร่งเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย True 5G ใน รพ. และ รพ,สนามรองรับความต้องการด้านการสื่อสาร
ในโครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่ซีพีทุ่มงบร่วม 200 ล้านบาท ได้ให้ความช่วยเหลือครอบคลุมด้านต่างๆ โดยเน้นสิ่งที่เครือซีพีทำได้ดี เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เสริมอุปกรณ์การแพทย์ที่ขาด และด้วยการผนึกกำลังกับทรู ทำให้สามารถส่งมอบเทคโนโลยีและบริการสื่อสารต่างๆ แก่โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม รวมถึงศูนย์ฉีดวัคซีนในหลายๆ แห่งด้วย
กลุ่มทรู ได้เร่งส่งมอบบริการและอุปกรณ์สื่อสารให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 มีผู้ป่วยจำนวนมากต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ โดยขยายสัญญาณทั้ง True 5G, 4G และ WiFi ให้แก่โณงพยาบาลสนามแล้ว 205 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ซึ่งสามารถรอวรับการใช้งานสื่อสารไร้สายของผู้ป่วย 5,000 เตียง
นอกจากนี้ กลุ่มทรู ยังเพิ่มความผ่อนคลายจากอาการเจ็บป่วยขณะพักรักษาตัว ให้ผู้ป่วยเข้าถึงความบันเทิงออนไลน์ ดูคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งสาระและบันเทิง พร้อมทั้งเปิดคอลล์ เซ็นเตอร์เฉพาะกิจ รับแจ้งปัญหาบริการและเครือข่ายสื่อสาร สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยใน รพ.สนาม โดยเฉพาะด้วย
ขยายบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ลดความแออัดในโรงพยาบาล
นอกจากการดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายสื่อสารแล้ว ทรูยังนำแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ True HEALTH ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ออนไลน์ โดยร่วมกับทีมแพทย์อาสาชีวี จัดแคมเปญ “Together We Care” ให้คนไทยทุกคนปรึกษาเรื่องสุขภาพเบื้องต้นกับทีมแพทย์อาสาจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ
พร้อมกันนี้ ทรูยังเปิดมุมสุขภาพ True Health แห่งแรก ที่ โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา ให้บริการปรึกษาเรื่องสุขภาพกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากชีวี ผ่านกระจกอัจฉริยะ (Smart Mirror) ที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G สามารถเข้าไปใช้บริการได้ง่ายๆ สะดวกสบาย และปลอดภัย ทั้งยังลดความหนาแน่นในโรงพยาบาลได้เช่นกัน
เทรนด์ในอนาคต
คุณณัฐวุฒิ บอกว่า เทคโนโลยี 5G เป็นเทรนด์ที่มีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่โควิดช่วยเร่งการใช้ 5G ให้ขยายไปเร็วขึ้น ในแง่การเชื่อมต่อทำให้ชีวิตดีขึ้นและราบรื่นขึ้นอยู่แล้ว แต่ 5G ยังมาพร้อมกับแบนด์วิธกว้าง ช่วยให้งานยากๆ อย่างการผ่าตัดทางไกลนั้นเป็นไปได้ หากการใช้ 5G เป็นไปอย่างกว้างขวางแล้ว คนก็จะไม่หันกลับไปใช้ของเดิมที่ช้ากว่าแน่นอน
ที่มา : Blognone