ผลสำรวจอีคอมเมิร์ซและการชำระเงินในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2563 ของ Rapyd จัดทำขึ้นเมื่อเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ผ่านมา โดยสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค 3,500 คนทางออนไลน์ใน 7 ประเทศและดินแดน ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย อย่างละ 500 คน
ผลสำรวจระบุว่า ทรูมันนี่ เป็นวิธีการชำระเงินชั้นนำในประเทศไทย โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 66% ใช้เป็นประจำ และ 16.8% เลือกใช้ทรูมันนี่มากกว่าอีวอลเล็ทอื่น ๆ
ผลสำรวจยังเผยด้วยว่า อีวอลเล็ทและการโอนเงินผ่านธนาคารเป็นวิธีการชำระเงินที่นิยมมากที่สุดในไทย โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 62.2% เลือกใช้วิธีนี้ และแนวโน้มก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะได้รับการสนับสนุนจากระบบชำระเงินพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ใช้งานร่วมกันได้
ทั้งนี้ แม้ว่าการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลจะได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย แต่เงินสดก็ยังเป็นที่นิยม โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 19.4% เลือกใช้เงินสด
ผลสำรวจดังกล่าวได้เผยให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และได้รับการยอมรับและความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากช่วยให้การจับจ่ายสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งยังเข้ากับบริบทท้องถิ่น และช่วยให้ชุมชนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินแบบเดิมสามารถจับจ่ายผ่านระบบดิจิทัลได้
รายงานระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซใน 7 ประเทศและดินแดนที่มีการสำรวจ มีมูลค่าราว 3.55 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568
สำหรับผลการสำรวจในภาพรวม พบว่า ในขณะที่บัตรและโมบายวอลเล็ทแบบเติมเงินผ่านบัตรได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น (61%) และไต้หวัน (51%) แต่ในภาพรวมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น อีวอลเล็ทและการโอนเงินผ่านธนาคารมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น
อีวอลเล็ทและการโอนเงินผ่านธนาคารเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับการสนับสนุนจากระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ (RTP) ที่ทำงานร่วมกันได้ เช่น อินเดียใช้ระบบ UPI (64%) และไทยใช้ระบบ PromptPay (62%) แม้แต่ในตลาดที่นิยมใช้บัตรมากกว่าอย่างสิงคโปร์ อีวอลเล็ทและการโอนเงินผ่านธนาคาร ซึ่งรวมถึงระบบ PayNow ก็ยังเป็นที่นิยมของผู้ตอบแบบสำรวจ 42% ในสิงคโปร์ และมากถึง 78% ในอินโดนีเซีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์