จำนวนรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายสัปดาห์ในสัปดาห์ที่แล้วลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2563 ส่งผลให้ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเมื่อวันพุธว่าการระบาดใหญ่ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส กล่าวใน การแถลงข่าวประจำสัปดาห์ที่มีขึ้นเมื่อวานนี้(14 ก.ย.) ว่า “ในสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่รายงานรายสัปดาห์นั้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ที่ผ่านมาเราไม่เคยอยู่ในจุดที่ยุติการแพร่ระบาดได้ การระบาดยังสิ้นสุด แต่ก็ใกล้แล้ว”
เห็นเส้นชัยแล้ว
แต่ดร.เทดรอสเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยังคงระมัดระวังตัว โดยเปรียบเทียบการระบาดกับการแข่งขันมาราธอน
ดร.เทดรอส กล่าวว่า “นักวิ่งมาราธอนไม่หยุดวิ่งเมื่อเห็นเส้นชัย แต่เร่งตัวขึ้นด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เราก็เช่นกัน เราเห็นเส้นชัย เราอยู่ในจุดที่จะคว้าชัย แต่เวลานี้กลับเป็นช่วงที่แย่สุดถ้าจะหยุดวิ่ง”
ดร.เทดรอสเตือนว่า หากโลกไม่ใช้โอกาสนี้ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่มากขึ้น มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น เกิดภาวะชะงักงันมากขึ้น และมีความไม่แน่อนมากขึ้น
“ดังนั้นเราควรใช้โอกาสนี้” ดร.เทดรอสกล่าว พร้อมประกาศว่า WHO ได้เผยแพร่สรุปข้อเสนอเชิงนโยบาย 6 ฉบับสำคัญที่รัฐบาลุกประเทศต้องดำเนินการในตอนนี้เพื่อ “เข้าสู่เส้นชัย”
ข้อเสนอเชิงนโยบายจัดทำขึ้น โดยอิงจากหลักฐานและประสบการณ์ในช่วง 32 เดือนที่ผ่านมาของ แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปกป้องชีวิตผู้คน ปกป้องระบบสุขภาพ และหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักทางสังคมและเศรษฐกิจ
ข้อเสนอเชิงนโยบายเหล่านี้ เป็นการเรียกร้องเร่งด่วนต่อรัฐบาลให้พิจารณานโยบายที่ใช้อย่างถี่ถ้วน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับนโยบายเหล่านี้ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และโรคในอนาคตที่อาจจะแพร่ระบาดได้
“เราเรียกร้องให้ทุกประเทศลงทุนในการฉีดวัคซีน 100% ให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดเพื่อให้การฉีดวัคซีนครอบคลุมได้ถึง 70%”
โดยต้องทำการตรวจหาเชื้อและวิเคราะห์ลำดับการระบาดของไวรัสโควิด รวมทั้งเฝ้าระวังและการตรวจโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ รวมถึงไข้หวัดใหญ่ ร่วมไปด้วย และต้องมีระบบในการดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม และดูแลโรคโควิด-19 ร่วมกับระบบการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ตลอดจน
วางแผนรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และต้องแน่ใจว่ามีอุปกรณ์ เครื่องมือ และผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพครบตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ต้องใช้มาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อต่อเนื่อง เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้ป่วยที่ไม่ติดเชื้อโควิดในสถานบริการสุขภาพ ต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจนและให้เหตุผลกับชุมชน หากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ เพื่อสามารถแยกแยกและจัดการกับข้อมูลที่ผิดได้ รวมทั้งพัฒนาข้อมูลด้านสุขภาพให้มีคุณภาพสูงในรูปแบบดิจิทัล
ดร.เทดรอสกล่าวว่า WHO ได้ทำงานตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่าของปี 2019 เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนกว่าการแพร่ระบาดจะ “สิ้นสุดอย่างแท้จริง”
“เราสามารถยุติการแพร่ระบาดนี้ไปด้วยกัน เพียงแคทุกประเทศ ผู้ผลิต ชุมชน และบุคคลต่างลุกขึ้นและคว้าโอกาสนี้”
การระบาดระลอกใหม่เกิดได้อีก
ดร.มาเรีย แวน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ โครงการสาธารณสุขฉุกเฉินของ WHO กล่าวว่าไวรัสยังคง “แพร่ระบาดอย่างรุนแรง” ไปทั่วโลก และ WHO เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยที่รายงานนั้นประเมินต่ำเกินไป
“เราคาดว่าจะมีการติดเชื้อระลอกใหม่อีกในอนาคต ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างกันทั่วโลก โดยเกิดจากสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ของโฮมิครอน หรือแม้แต่สายพันธุ์ที่จัดว่าน่ากังวลหลายสายพันธุ์” ดร. แวน เคิร์กโฮฟ กล่าวพร้อมย้ำคำเตือนก่อนหน้านี้ว่ายิ่งไวรัสแพร่กระจายมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสกลายพันธุ์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามา การระบาดระลอกใหม่ในอนาคตเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องหมายถึง “การเสียชีวิตระลอกใหม่” เพราะขณะนี้มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เช่น วัคซีนและยาต้านไวรัสสำหรับโควิด-19 โดยเฉพาะ
ที่มา ไทยพับลิก้า