ริชาร์ด เทอร์ริน (Richard Turrin) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงินและเป็นผู้เขียนหนังสือ ‘Cashless: China’s Digital Currency Revolution’ ได้ออกมาทำนายว่า เงินหยวนดิจิทัลจะก้าวขึ้นมาท้าทายเงินสกุลดอลลาร์ในฐานะการเป็นเงินสกุลทางเลือกสำหรับทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศภายใน 10 ปีนับจากนี้
“จีนเป็นประเทศที่มีการค้าสูงที่สุดในโลก เงินหยวนจะค่อยๆ เข้ามาแทนที่เงินดอลลาร์มากขึ้นเรื่อยๆ ในการค้าขายกับจีน และภายใน 5-10 ปี เงินหยวนดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้การใช้เงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศลดลง” เทอร์รินกล่าว
เทอร์รินเชื่อว่า ความต้องการระบบการชำระเงินทางเลือกโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์ของประเทศต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เงินหยวนดิจิทัลเป็นที่นิยมมากขึ้น
“ปัจจุบันระบบการค้าโลกยังพึ่งพาเงินดอลลาร์เกือบจะ 100% แต่ในอนาคตเราจะเห็นกระแสตีกลับ ประเทศต่างๆ จะมองหาทางเลือกในการชำระเงินเพื่อบริหารความเสี่ยง ทำให้การพึ่งพาดอลลาร์จะทยอยลดลงจาก 100% เหลือ 80-85%” เทอร์รินระบุ
เทอร์รินกล่าวอีกว่า ธนาคารกลางจีนเริ่มพัฒนาเงินหยวนในรูปแบบดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่มีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงินสกุลดอลลาร์ดิจิทัล แม้ว่าล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วนก็ตาม
“เรื่องนี้สะท้อนว่าเทคโนโลยีทางการเงินของจีนแซงหน้าชาติอื่นๆ ไปราว 10 ปีแล้ว สหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 5 ปีในการวางแผนและทดสอบเงินสกุลดอลลาร์ดิจิทัล” เทอร์รินกล่าว
เมื่อถามว่าจีนสามารถใช้เงินหยวนดิจิทัลในการช่วยรัสเซียจากการถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกได้หรือไม่ เทอร์รินระบุว่า ในทางเทคนิคเรื่องนี้ยังทำได้ยาก เพราะเงินหยวนดิจิทัลยังอยู่ในช่วงตั้งไข่และยังไม่มีการทดลองใช้จริงในประเทศและระดับนานาชาติ
“จีนมีเป้าหมายจะให้เงินหยวนดิจิทัลเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก การนำเทคโนโลยีที่อยู่ในช่วงตั้งไข่นี้ไปช่วยรัสเซียจะไม่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ จีนน่าจะเลือกปกป้องมันจากความเสี่ยงทางการเมืองมากกว่า” เทอร์รินกล่าว
อ้างอิง:
ที่มา THE STANDARD